Title: Oh! My sweet honey
Pairing: Nijimura Shuzou x Himuro Tatsuya
Rate: PG-15 (?)
Fandom: Kuroko no Baske
Notes : เรื่องเกิดหลังจากใน Replace V ประมาณครึ่งปี นิจิมุระเริ่มใช้ภาษาอังกฤษคล่องแล้ว จินตนาการว่าบทสนทนาทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ยกเว้นเวลาคุยกันสองคน
ไวโอเล็ตต้า : บังเกิดจากความฟินรุ้งน้ำแข็งอย่างนึกไม่ถึง ฮา ขอบคุณน้องคุโรชิผู้น่ารักที่คิดพล็อตให้และมาช่วยแต่งค่ะ 5555555
คุโรชิ : พี่ชูขนหน้าอก—— #มาเกรียนแล้วจากไป(…) 555555555 อ๊ะ! (แว๊บมาอีกที) หวังว่าจะได้รับความสนุกสุดเกรียนและความใสใส(?)จากฟิคชั่นที่คลอดออกมาด้วยความติ่งนะก๊ะ x7
– – – – – –
นิจิมุระ ชูโซ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรื่องมันดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง…
ใต้ร่างของเขา คือร่างเปลือยเปล่าขาวสะอาดของเพื่อนสนิทคนสว– อุ ไม่สิ หล่อแล้วกัน …ฮิมุโระ ทัตสึยะ
ดวงตาสีเทาของนิจิมุระกวาดมองทั่วร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเพื่อน ที่จากนี้อาจจะไม่ใช่แค่เพื่อนอีกต่อไป ผิวของทัตสึยะขาวมากเป็นทุนเดิม พอถูกกระทำเช่นนี้ เลยทำให้สีแดงเรื่อเด่นชัดตามร่างกายและใบหน้าสวย ๆ
บ้าเอ๊ย! สติจะแตก…
เสียงครางของทัตสึยะหวานอย่างกับอะไรดี เล่นงี้ใครจะไปหยุดตัวเองอยู่กันฟะ! ทัตสึยะเองก็ตั้งสติหน่อยสิเฮ้ย! …อดีตกัปตันทีมบาสเกตบอลโรงเรียนเทย์โคตะโกนลั่นในใจ
…แต่ก็ใช่ว่าอยากหยุ—
อา โว้ยย เรื่องแบบนั้นช่างมันก่อนเถอะ!
ตกลงว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงเล่า…อ๊ะ! หรือจะเป็นตอนนั้น…ตอนนั้นสินะ…!!
–
“นี่ ๆ สเป็คของชูกับทัตสึยะเป็นแบบไหนเหรอ?”
พรวดดดด!!
คำถามที่ดังขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของไมค์ทำเอานิจิมุระแทบสำลักน้ำอัดลมที่ดื่มอยู่ ฮิมุโระดูใจเย็นกว่ามากขณะที่หัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปตอบไมค์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“ฉันชอบคนแข็งแกร่งนะ?”
“เห? จริงน่ะ? แบบอเล็กซ์น่ะเหรอฮะ?”
“แบบอเล็กซ์คงไม่เชิง”
“ดะ ดะ เดี๋ยวสิทัตสึยะ นั่นมันใช่ประเด็นเรอะ! นายควรถามก่อนสิว่าทำไมไมค์ถึงนึกครึ้มอยากจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา!” นิจิมุระร้องแย้งเมื่อดูเหมือนทั้งสองคนจะเริ่มคุยเพลินไปแล้ว
“ฮะ ๆ ไม่เห็นจะแปลกเลย ไมค์ก็แค่สงสัย ไม่ก็อาจจะใกล้โตเป็นหนุ่มแล้ว” ฮิมุโระหัวเราะพลางขยี้ผมสีส้มของไมค์เบา ๆ
“แค่อยากรู้เองนะฮะ! แล้วสเป็คชูล่ะ?” ไมค์ทำตาเป็นประกายเหมือนรอคำตอบ
“ไม่บอกหรอกน่า!”
“แล้วกัน ฉันก็อยากรู้นะ”
“ทัตสึยะน่ะกินผักดองไปเลย!”
นิจิมุระถอนหายใจเฮือกพลางหยิบเบอร์เกอร์มางับกินต่อด้วยสีหน้ายุ่ง ๆ ขณะที่ฮิมุโระกับไมค์หันไปหัวเราะกัน
“เอ้า ๆ หัวเราะกันเข้าไปนะ” นิจิมุระเบ้ปากเมื่อเห็นทั้งสองคนนั้นหัวเราะ
…สเป็คงั้นหรอ… อืม.. ยังไงดีนะ ไม่เคยคิดถึงเรื่องสเป็คซะด้วยสิ เพราะยังมีน้องชายและน้องสาว แถมพ่อที่ป่วยอยู่ให้ดูแลทั้งคนนะ เอ๊ะ! แต่ว่า… “เป็นทัตสึยะก็ไม่เลวนะ”
……….
………………….
……………………………
“ชู…เมื่อกี้พูดว่ายังไงนะ?” ทั้งฮิมุโระ ทั้งไมค์ ต่างก็หันหน้าไปทางเจ้าของเสียงเมื่อครู่
“หา? จะอะไรซะอีกล่ะ สเป็คไง—- เฮ้ย!!”
ตาย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้ชูโซ เมื่อกี้แกตอบว่ายังไงนะ ‘เป็นทัตสึยะก็ไม่เลวนะ’ งั้นเหรอ! แกนี่บ้าไปแล้วเหรอฟะ ชูโซวววว ว้อยยยยย!…นิจิมุระด่าตัวเองในใจอย่างคนเสียสติ
“อะ…เอ่อ…คือ เมื่อกี้ ฉันเปล่าพูดอะไร…” นิจิมุระแก้ตัวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักแล้วเสมองไปทางอื่น
“ชูน่าสงสัย!” เสียงไมค์ที่พูดแทรกขึ้น
“หา? น่าสงสัยอะไร ฉันเปล่านะ!”
แล้วคนที่ถูกเอ่ยชื่อเมื่อตอนต้นจากปากของนิจิมุระที่เงียบไปนาน ก็ได้ออกปากขึ้น “…….เจ้าบ้าชู!”
“อะไรเล่า! ไม่มีอะไรสักหน่อย ละ…แล้วนั่นหน้าแดงเรอะ?”
“ใครหน้าแดงกัน…!!” ฮิมุโระว๊ากใส่ก่อนจะคว้าเบอร์เกอร์ปาใส่คนที่ทำตัวเองเกือบหัวใจวายซะด้วยความหมั่นไส้
“ฮะ…เฮ้ย! อย่าเอาของกินมาปาเล่นแบบนี้สิ!” นิจิมุระรับเบอร์เกอร์มาโดนปาใส่อย่างเฉียดฉิว
“นายนั่นล่ะ…เล่นอะไรของนายกัน” …จู่ ๆ ก็ดันพูดแบบนั้นออกมา ถึงฮิมุโระจะถูกสาว ๆ ที่โรงเรียนสารภาพรักอยู่บ่อย ๆ ก็เถอะ แต่ไอ้เรื่องว่าสเป็คของชู ‘เป็นทัตสึยะก็ไม่เลวนะ’ นั่นน่ะ…@@#$@$@!@ อะไรกันเนี่ย!
ไมค์มองทั้งสองคนว๊ากใส่(?) กันไปมา ก่อนจะห้ามทั้งสองให้หยุดศึกปาเบอร์เกอร์
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ชูเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นสักหน่อย ..เนอะ ชู?” ไมค์พยายามพูดปลอบใจฮิมุโระแล้วหันไปหานิจิมุระ
“หา? ฉันตั้งใจพูดต่างหากล่ะ”
……….
………………….
……………………………
เกิดความเงียบอีกครั้ง ไมค์ทำท่ากุมขมับหนักใจกับพี่ชายคนนี้ซะเหลือเกิน…
“อย่ามาแกล้งอะไรแบบนี้นะ ชู…” ฮิมุโระกะพริบตาปริบ ๆ มองนิจิมุระก่อนจะหรี่ตาลงนิดหน่อย
นิจิมุระเห็นบรรยากาศท่าทางของฮิมุโระที่ดูเปลี่ยนไป เริ่มอึกอักก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา ๆ
“ขอโทษนะ.. ทัตสึยะ ฉันไม่ได้แกล้ง… แต่…..” นิจิมุระหลุบตาลงนิดๆ “แต่…. ฉันพูดจากใจจริง ๆ”
“พรืด…” เสียงหัวเราะที่หลุดออกมาเบา ๆ ทำเอาทั้งไมค์ทั้งนิจิมุระหันไปมอง ฮิมุโระกำลังหัวเราะ? ไหงงั้นฟะ!?
“เอาจริงเหรอเนี่ยชู…นายเนี่ย” เจ้าตัวดูท่าทางพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่พลางใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ซึมนิด ๆ “ฉันเนี่ยนะ? จะดีเหรอ? ฮะ ๆ”
“อะไรเล่า…” นิจิมุระเบ้ปาก “กว่าฉันจะพูดออกมาได้ ใช้เวลามาหลายเดือนเลยนะ… แต่นายกลับหัวเราะออกมาแบบนี้ ใจร้ายจริง ๆ” นิจิมุระพูดน้ำเสียงงอน ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายหัวเราะพรืดออกมา
“อะฮะ ๆ! เรื่องล้อเล่นใช่ไหมล่ะ? ยังไงซะสเป็คนายคงไม่มีทางเป็นแบบฉัน ว่างั้นไหมไมค์?” ฮิมุโระหันไปถามความเห็นจากเด็กน้อยคนเดียวในโต๊ะ ซึ่งไมค์ก็เงยหน้ามองเขาตาปริบ ๆ ก่อนจะหันไปทำตาปริบ ๆ ใส่นิจิมุระอีกที
“ไม่…รู้สิฮะ” เด็กชายเอ่ยพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “ชูดูจะ…จริงจัง?”
ยังไม่ทันที่นิจิมุระจะพูดอะไรออกมา ฮิมุโระก็ชะงักแล้วหันไปรับโทรศัพท์ แล้วรีบหันมาขอตัวพร้อมบอกว่าไม่ต้องรอ ก่อนจะลุกพรวดออกไปทันที
“ชู…มีอะไรจะพูดมั้ยฮะ?” ไมค์มองตามไปแล้วหันกลับมาถามคนที่เหมือนจะเอาหน้าแนบโต๊ะอยู่แล้ว
“ต้องมีอยู่แล้วสิ! ฉันเขินจนพูดไม่ถูกแล้วนะ…” นิจิมุระหันไปทางไมค์
“แล้วชูชอบทัตสึยะเมื่อไหร่เหรอฮะ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย?” ไมค์ถามเสียงใสอย่างเด็กอยากรู้อยากเห็น
“อืม.. อาจจะฟังดูตลกนะ จริง ๆ แล้ว ฉันชอบทัตสึยะตั้งแต่วันแรกที่เจอ…”
“ห๊าา? จริงเหรอฮะ ทำไมล่ะ ๆ บอกผมหน่อยนะฮะ”
“แน่ะ.. อยากรู้ไปจีบสาวรึไงหืม?” นิจิมุระพูดแซวก่อนจะผละหน้าออกโต๊ะ
“เปล่าสักหน่อยฮะ ผมแค่อยากรู้นี่ว่าชอบพี่ทัตสึยะได้ยังไง แต่ผมว่าผมก็เข้าใจชูนะ…”
“อ่า.. ที่ฉันชอบก็เพราะว่า เมื่อตอนนั้นที่ทัตสึยะเข้ามาช่วยฉันน่ะ… ฉันอึ้งมากเลยนะ ที่ทัตสึยะซัดพวกนั้นล้มได้ ทั้งที่ขนาดตัวก็ต่างกันขนาดนั้น ทัตสึยะดูเท่สุด ๆ ไปเลย”
นิจิมุระเล่าทวนเหตุการณ์เมื่อตอนมาแอลเอวันแรก ซึ่งเด็กน้อยที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยก็พยักหน้าหงึก ๆ
“เพราะแบบนั้น ฉันถึงชอบทัตสึยะยังไงล่ะ… อยากจะปกป้องทัตสึยะ ทั้งที่ทัตสึยะอาจจะเก่งกว่าฉัน…” นิจิมุระยิ้มบางให้กับไมค์ “ถึงฉันจะไม่รู้ก็เถอะนะว่า ทัตสึยะจะคิดแบบเดียวกับฉันไหม…”
“ผมว่าต้องคิดแบบเดียวกันแน่ฮะ เชื่อผมสิ!” ไมค์ตอบออกไปด้วยสายตาที่จริงจังและเห็นด้วยว่าฮิมุโระต้องคิดเหมือนกับนิจิมุระ
“ฮะ ๆ นายนี่ไม่ค่อยเลยนะไมค์! แล้วว่าไง? เสร็จจากนี่จะกลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง ทัตสึยะคงไม่น่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้หรอก” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปยีหัวไมค์เบา ๆ พลางหันมองไปทางประตูที่ฮิมุโระเพิ่งจะออกไปได้ไม่นาน
ไมค์พยักหน้าหงึกหงักก่อนจะก้มลงหยิบลูกบาสที่วางไว้ข้างโต๊ะขึ้นมาแล้วหยิบน้ำอัดลมมาดูดอีกซู้ดใหญ่เป็นรอบสุดท้ายจนหมดแก้ว
“ตะกละ!”
“เสียดายของฮะ!”
ทั้งคู่ต่างหัวเราะให้กันก่อนที่ไมค์จะหย่อนตัวลงจากเก้าอี้พลางหันไปจับมือนิจิมุระไว้แล้วเดินตามออกไป
“ตอนนี้ทัตสึยะอาจจะคิดว่าชูแค่ล้อเล่นจริง ๆ ก็ได้…แล้วจะทำไงต่อเหรอฮะ?”
“อ่า… นั่นสินะ แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องทำให้ทัตสึยะใจตรงกันกับฉันให้ได้!” นิจิมุระยิ้มกว้างให้เด็กน้อยผมสีส้มที่ยิ้มตอบ
“ผมจะคอยเชียร์ให้ชูได้สมหวังนะฮะ มีผมเชียร์อยู่ทั้งคน ทัตสึยะต้องใจอ่อนแน่ ๆ”
“ฮะ ๆ ร้ายนะเรา ไว้ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ จะพามาเลี้ยงเบอร์เกอร์ละกันนะ!”
“โห!! จริงเหรอฮะ แบบนี้ชูต้องคอยเลี้ยงเบอร์เกอร์ผมซะแล้วล่ะฮะ ฮ่า ๆๆ”
ทั้งคู่สนทนากันไปตลอดเส้นทางจนถึงบ้านของไมค์ เจ้าตัวเล็กก็โบกมือลานิจิมุระแล้ววิ่งเข้าบ้านไป ซึ่งหลังจากมองส่งจนเรียบร้อยดีแล้ว เด็กหนุ่มก็บิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้า
อืม…จากนี้จะยังไงต่อดีล่ะ?
ปกติหลังจากส่งไมค์เสร็จก็จะไปเล่นบาสกับทัตสึยะต่อ ไม่ก็ไปหาร้านเกมเล่นกัน แต่ตอนนี้เจ้าคู่หูดันไม่อยู่ซะด้วย..เฮ้อ ปลงซะแล้วกลับบ้านเถอะชูโซ
เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวยืดก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับบ้านที่พักอยู่ เขามาอยู่ลอสแอนเจลิสหลายเดือนแล้ว ภาษาก็พูดได้คล่องพอควรแล้ว เพื่อนก็มีเยอะแยะแล้ว (เป็นเด็ก ๆ จากชมรมของอเล็กซ์หรือไม่ก็พวกเพื่อน ๆ ที่สตรีทบาสของทัตสึยะ) พ่อก็ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ชีวิตก็ดี๊ดี…
—ดีกับหอกอะไรเล่า!
บ้าเอ๊ยย! แกคิดบ้าอะไรของแกถึงได้ไปแอบชอบเพื่อนสนิทที่สุดในแอลเอได้ฟะ…บางทีนิจิมุระก็นึกอยากเอาหัวโขกแป้นบาสสักเปรี้ยง ดูซิว่าจะทำให้เลิกชอบทัตสึยะได้ไหม– อ๊ะ แต่ก็เคยโขกไปแล้วนี่หว่า เจ้าบ้าไมค์ดันพุ่งเข้าชาร์จตอนเพิ่งลงจากเลย์อัพ…
เด็กหนุ่มเกาหัวแกรก ๆ คิดหนักว่าจะเอายังไงต่อไปดี…ถ้าทัตสึยะยังไม่รู้อะไรเหมือนที่เคยมันก็คงจะดี– ล่ะมั้ง? แต่ตอนนี้หมอนั่นก็รู้แล้ว แถมยังคิดว่าเรื่องล้อเล่นเอาอีก
ทัตสึยะบ้าชะมัด…
แต่คนที่บ้ากว่ามันก็เราเองนี่หว่า… ว้อย! จะทำยังไงดีเนี่ย ชูโซ…. เอายังไงดี..
ยังไงดี….
ไงดี….
ก็เอามันทั้งแบบนี้ล่ะเว้ย! กำลังใจจากไมค์ก็พุ่งเต็มร้อย (เพราะมีเบอร์เกอร์เป็นสินบน) ยังไงก็ต้องคุยกับทัตสึยะเรื่องนี้ให้รู้เรื่องอีกทีล่ะนะ! เอาเว้ย ถ้าดีก็ดี ถ้าแห้วก็……..ค่อยคิดตอนนั้น
“ห๊ะ? อ้าว…นี่มาถึงหน้าบ้านเมื่อไหร่ฟะ”
นิจิมุระยืนเอ๋อหน้าบ้านของตนแล้วคิดกับตัวเองในใจว่า นี่เพ้อบ้าบอจนมาถึงบ้านแบบไม่รู้ตัวเลยเรอะ!?
“อ๊ะ! พี่ชูโซ กลับมาแล้วเหรอคะ?”
เสียงใสดังขึ้นพร้อมร่างเล็ก ๆ ของน้องสาวที่วิ่งเข้ามากอดนิจิมุระพร้อมกับรอยยิ้มสดใส
“โอ้ กลับมาแล้ว แล้วนี่เราทานอะไรรึยังน่ะ?”
“อื้อ! หนูทานกับพี่จ๋าแล้วก็ปะป๊าแล้วค่ะ พี่ชูโชทานมาแล้วสินะคะ เอ๊ะ? แล้ววันนี้พี่ทัตสึยะไม่ได้มาด้วยเหรอคะ?”
“ฮะ ๆ พอดีหมอนั่นดูเหมือนจะมีธุระน่ะ พี่เลยกลับมาคนเดียว เอ้า เข้าบ้านได้แล้ว คุยกันนอกบ้านแบบนี้ระวังจะเป็นหวัดเอานะ” นิจิมุระพร้อมกับอุ้มน้องสาวแท้ ๆ ของตนเข้าบ้าน
“กลับมาแล้ว”
“อ๊ะ! พี่ชู กลับมาแล้วเหรอครับ” น้องชายวิ่งเข้ามาหาก่อนจะทำหน้าบูดพองแก้ม “โหย พี่ชูอ่ะ อุ้มแต่น้องอ่ะ ไม่อุ้มผมบ้างเลย บู่…”
“หา นี่อิจฉาน้องสาวตัวเองเรอะ ฮะ ๆ” นิจิมุระยิ้มขำกับน้องชายอีกคน “มา ๆ อุ้มพร้อมกับทั้งคู่นี่แหละ” พูดจบนิจิมุระก็อุ้มน้องชายขึ้นมาอีกคนแล้วพาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
“เดี๋ยวพี่ขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อน มีอะไรก็เรียกล่ะ ห้ามทะเลาะกันเด็ดขาดนะ!” นิจิมุระมองน้องชายและน้องสาวทั้งสองคนรอคำตอบ
“ครับ! / ค่ะ!” ทั้งสองตอบเสียงใส นิจิมุระพยักหน้ายิ้มตอบ เด็กทั้งสองเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะชกต่อยกับใคร ไม่เหมือน….. เอ่อ คนพี่อย่างเรา? แต่ก็ไม่ได้เป็นอันธพาลชกต่อยไปทั่วแบบนั้นสักหน่อย
นิจิมุระขึ้นมาถึงบนห้องแล้วนอนแผ่ลงที่เตียงของตน พลางหยิบมือถือออกมามองอย่างลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพิมพ์ข้อความส่งหาทัตสึยะ
‘รีบไปไหนของนาย เป็นไงบ้างแล้วน่ะ?’
โธ่เอ๊ย…พอกดส่งไปแล้วก็เพิ่งจะมาสำนึก ทัตสึยะไม่ใช่เด็ก ๆ ให้ต้องคอยเป็นห่วงเป็นใยทุกฝีก้าวแล้วสักหน่อย! เดี๋ยวเจ้าตัวกลับมาก็โดนด่าอีกจนได้ว่าส่งอะไรมาไร้สาระ
แต่คนมันอดห่วงไม่ได้นี่หว่า…นิจิมุระเบ้ปากใส่มือถือก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคง
วันนี้คงไม่ได้เจอทัตสึยะแล้วมั้ง…พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน!
-พี่ชูจ๋าา ข้อความใหม่มาแล้วจ้า~-
พรืดดด เด็กหนุ่มสะดุ้งกับเสียงข้อความของตนที่น้องสาวเป็นคนอัดเสียงให้ “ไม่ชินกับเสียงข้อความสักที…”
เขารีบหยิบมือถือที่มีข้อความเข้ามาใหม่ ปกตินิจิมุระเป็นคนชอบเช็คข้อความอยู่แล้ว แบบว่าว่าง ๆ ก็เอามาเปิดดูเล่น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นข้อความโฆษณา ‘สุดสยิวกิ้ว สาวสวยเอ็กซ์ในชุดชั้นในสุดเร่าร้อน’ แบบนี้เสียมากกว่า…
เด็กหนุ่มเปิดข้อความแล้วถึงกับแสดงสีหน้าที่ต่างจากเมื่อครู่ลิบ เรียวคิ้วขมวดลงอย่างเคร่งเครียด
‘ชู.. ช่วยฉันด้วย’
เล่นบ้าอะไรเนี่ย! แล้วนายอยู่ไหนเล่า!
ไวยิ่งกว่าความคิด ร่างสูงโปร่งของนิจิมุระโผพรวดลงจากเตียง คว้าเสื้อนอกมาสวมแล้ววิ่งลงจากห้องนอน เสียงตึงตังจนน้องชายน้องสาวชะโงกหน้าออกมามอง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากไปกว่าการรีบต่อสายหาทัตสึยะขณะวิ่งออกจากบ้านไป
“รับเซ่…รับเซ่!”
“ชู…”
“ทัตสึยะ นายอยู่ไหน!” นิจิมุระตวาดถามทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย เออ! ไอ้อีกคนมันจะว่าเขาอารมณ์ร้อนหรือกำลังเดือดอะไรอยู่ก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาเย็นอยู่ได้จริง ๆ
“อยู่ที่ตรอกถัดจากโกดังร้าง…ฮะ ๆ โทษทีนะ สร้างปัญหาให้จนได้”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย! หุบปากแล้วรออยู่เฉย ๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!” นิจิมุระเอ่ยเสียงเด็ดขาดเหมือนเวลาใช้ออกคำสั่งกับพวกสมาชิกในทีม มือหนากดตัดสาย เก็บมือถือใส่กระเป๋าเพื่อให้วิ่งได้คล่องตัวขึ้น
นิจิมุระรีบวิ่งสุดกำลัง โชคดีที่เขาเป็นนักกีฬาบาส เขาจึงต้องวิ่งออกกำลังกายทุกเช้า เมื่อตอนอยู่ชมรม… ร่างโปร่งวิ่งมาเรื่อยจนถึงซอยที่มีโกดังร้างตามที่ปลายสายบอกมา เล่นเอาหอบแฮ่กเพราะวิ่งแบบไม่คิดชีวิต ห่วงแค่ว่าขอให้อีกฝ่ายปลอดภัย
“ทัตสึยะ! อยู่ที่ไหน! ถ้าอยู่แถว ๆ นี้ ตอบฉันด้วย!” นิจิมุระตะโกนเสียงดัง เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขามาถึงแล้ว เขาเดินไปทั่วบริเวณ พลางกวาดสายตามองหาโดยรอบ
“ชู…”
ตอนนั้นเองที่หูไว ๆ ของเด็กหนุ่มได้ยินเสียงแผ่วพร่าโรยแรงดังแว่วมา เสียงที่เขาจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของทัตสึยะ ขายาวรีบขยับก้าวแล้ววิ่งตรงไปยังต้นเสียงทันที
“ทัตสึยะ! อยู่ตรงไหน ส่งเสียงอีกทีซิ!”
“อยู่นี่…” นิจิมุระหันไปมองก่อนจะเห็นเหมือนบางส่วนของร่างกายมนุษย์ที่โผล่พ้นถังน้ำมันเหล็กเก่า ๆ ที่ตั้งเรียงกันอยู่ออกมา เด็กหนุ่มรีบสาวเท้าเข้าไปดูก่อนจะเบิกตากว้าง
“ทัตสึยะ!” ร่างสูงโปร่งแทบจะถลาเข้าไปหาเมื่อเห็นสภาพของทัตสึยะที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงข้างโกดัง ท่ามกลางลังของเก่า ๆ และถังน้ำมันที่ช่วยซ่อนตัวเขาได้มิด ใบหน้าสวย ๆ เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เสื้อผ้าก็เลอะเทอะเปรอะเปื้อน แถมยังมีรอยเลือดจาง ๆ เต็มไปหมด คนตรงหน้าหัวเราะเบา ๆ เหมือนสมเพชตัวเองอยู่ในที
“ฉันให้พวกจอห์นพามาทิ้งไว้นี่ จะได้หนีไปง่าย ๆ”
นิจิมุระได้ฟังก็เงียบไป ไม่มีการตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น
“ชู…?”
“ใครทำ”
“เอ๊ะ?”
“ฉันถามนายว่า ใครทำ”
…ทัตสึยะมองคนตรงหน้า เขาคือนิจิมุระ ชูโซ คนที่เป็นเพื่อนสนิทในตอนนี้ กับคำพูดที่ดูจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างไป เขาในตอนนี้ทั้งเท่ และดูพึ่งพาได้ คำพูดที่แฝงไปด้วยความหนักแน่น ต่างจาก ‘ชู’ คนปกติที่เขารู้จัก…
“…เจ้าพวกที่ชอบเล่นการพนัน ที่ชูเคยเจอพวกนั้นวันแรกที่ชูมา…”
“ตอนนี้พวกมันอยู่ไหน”
“ฉันไม่รู้…พวกเราปะทะกับพวกมันที่มาเอาคืนเรื่องที่โกดัง ฉันเสียท่าโดนช็อตไฟฟ้าแล้วก็โดนรุมจนพวกจอห์นต้องช่วยออกมา แต่พวกมันก็ไล่ตามมาด้วย…เพราะงั้นฉันเลยขอให้จอห์นทิ้งฉันไว้ บางทีเจ้านั่นอาจจะล่อพวกมันไปอีกทาง” ฮิมุโระบอกพลางสำลักหน่อย ๆ เพราะยังเจ็บตรงช่วงท้องที่โดนต่อยเตะมา
“ฉันเข้าใจแล้ว… นายเองก็ไม่ต้องพูดแล้วนะ ‘ทุกอย่าง’ ฉันจะจัดการเอง” นิจิมุระพูดพลางยิ้มให้กับคนตรงหน้าแล้วใช้มือลูบศีรษะร่างที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าตนอย่างเบามือ
“อือ.. ขอโทษชูด้วยนะ ที่ต้องมาเจอฉันในสภาพที่แย่แบบนี้ ฮะ ๆ”
“ฉันบอกว่าไม่ต้องพูดแล้วไง… แล้วไม่ต้องมาขอโทษฉันด้วย”
ฮิมุโระยอมทำตามที่นิจิมุระบอก แล้วเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลงเพราะหมดแรงพร้อมกับความเพลีย
นิจิมุระทอดสายตามองใบหน้าสวยที่หลับตาลงพริ้มก่อนจะขยับตัวช้า ๆ และระมัดระวังมากที่สุด ร่างสูงประคองฮิมุโระเอาไว้ไม่ให้ล้มแล้วจึงประคองให้มาซบตรงหลังเพื่อแบกขึ้นให้ถนัด ยังไงซะตอนนี้พวกบ้านั่นจะอยู่ไหนก็ช่าง เรื่องสำคัญคือทัตสึยะต้องทำแผลก่อน
จะพากลับไปที่บ้านดีไหม…อาจทำให้พวกน้อง ๆ ตกใจจนขวัญเสีย โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก็ห่างออกไปเกือบกิโล ที่ไหนจะปลอดภัยที่สุดและพอจะใช้ทำแผลได้…
อ๊ะ…บ้านของอเล็กซ์อยู่ไม่ไกลจากนี่นี่นา!
เอาวะ…รบกวนอเล็กซ์หน่อยอาจจะทำให้ทัตสึยะ (พ่วงตัวเอง) ต้องโดนด่าตามระเบียบ แต่ก็คงดีกว่าฝืนเดินไกล ๆ ไปถึงโรงพยาบาลแล้วกัน
นิจิมุระตัดสินใจกับตัวเอง ก่อนจะประคองฮิมุโระที่เหมือนจะหมดสติไปด้วยความเพลียขึ้นหลังให้ถนัดแล้วรีบเดินตรงไปบ้านของอเล็กซ์ทันที
–
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะชู!?”
อเล็กซ์ที่เปิดประตูออกมารับร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของเด็กทั้งสองคน นิจิมุระขยับแขนไม่ให้ฮิมุโระไหลตกลงไปพลางขมวดคิ้ว
“ขอยืมอุปกรณ์ทำแผลหน่อย เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังไปพลาง ๆ”
หญิงสาวผมทองมีท่าทีตกใจปนเป็นห่วงอยู่นิดหน่อยก่อนจะเปิดประตูให้ทั้งคู่เข้ามา แล้วช่วยนิจิมุระประคองฮิมุโระให้ลงจากหลังไปนอนบนโซฟาแล้วรีบเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะชู! อธิบายมาเลยนะ ทัตสึยะไปเล่นซนที่ไหนมาอีก”
นิจิมุระทำแผลให้ฮิมุโระที่นอนนิ่งอยู่อย่างเบามือ และอธิบายเรื่องทั้งหมดให้อเล็กซ์ฟัง
“อ่า.. วันนี้ฉัน ทัตสึยะ และไมค์ ไปร้านเบอร์เกอร์ตามปกติ แต่แล้วก็มีโทรศัพท์มาหาทัตสึยะ…”
“โทรศัพท์?” อเล็กซ์ถามอีกฝ่าย
“ใช่ แต่ไม่แน่ใจหรอกว่าใครโทรมาหา แต่คิดว่าน่าจะเป็นจอห์น ทัตสึยะเลยขอตัวออกไป คงจะนัดเจอกัน ส่วนฉันก็พาไมค์กลับบ้าน”
“แล้วชูล่ะ? จากนั้นไปไหน?”
“…ก็ตรงกลับบ้านเลย เพราะไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อดี พอถึงบ้านก็ส่งข้อความไปหาทัตสึยะ แล้วได้รับข้อความขอความช่วยเหลือ”
“นี่มันเกิดเรื่องขึ้นบ้าอะไรเนี่ย!?” อเล็กซ์ขมวดคิ้วแล้วมองร่างที่นอนอยู่โดยมีนิจิมุระทำแผลให้
“พอได้รับข้อความ ฉันก็รีบไปหาทัตสึยะ แต่พอเจอตัว.. สภาพก็เป็นแบบนี้แล้ว”
“แล้วใครเป็นคนทำกัน?”
“เห็นทัตสึยะบอกว่าเป็นพวกพนันที่ชอบไปแถวสตรีทบาสน่ะ ฉันก็เคยเจอหมอนั่นตอนมาที่นี่ครั้งแรก”
“…..!” อเล็กซ์ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินชื่อนั้นจากปากนิจิมุระ
หลังจากนิจิมุระเล่าเรื่องทั้งหมดให้อเล็กซ์ฟัง ทั้งคู่ก็คุยว่าหลังจากนี้ควรจะทำยังไงต่อดี จะปล่อยไว้แบบนี้ก็ไม่ได้
“แค่ก ๆ ..”
“ทัตสึยะ!” ทั้งนิจิมุระ และอเล็กซ์ต่างหันไปมองทางเดียวกับเจ้าของเสียงไอเมื่อครู่
“ช.. ช่วย.. ช่วยจอห์นด้วย…”
“เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ ทัตสึยะ?” นิจิมุระเอ่ยปากถามซ้ำ
“จอห์น.. น่าจะตกอยู่ในอันตราย ตอนที่ช่วยฉันไว้….”
“ฉันจะไปเอง!” นิจิมุระพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนก่อนจะโดนมือที่ไร้เรียวแรงจับข้อมือไว้
“ฉันเอง.. ก็จะไปด้วย”
“นายน่ะ นอนพักไปเลย เจ้าบ้า!”
“ฉันก็เห็นด้วยกับชูนะ ทัตสึยะ..” อเล็กซ์ช่วยพูดกล่อม
“…..ถ้าจอห์นเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ ฉันคงยกโทษให้ตัวเองไม่ได้..”
“…………” นิจิมุระเงียบไปครู่นึงก่อนจะเอ่ยตอบมาด้วยเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก “ก็ได้.. แต่ถ้าฉันเห็นนายดูท่าไม่ดี ฉันจะให้นายกลับเดี๋ยวนั้นเลยนะ!”
“ฮะ ๆ ชูนี่ล่ะก็.. เป็นห่วงไม่เข้าเรื่องเลยนะ ฉันแข็งแรงจะตาย”
“โฮ่ งั้นเรอะ? แข็งแรงจนอยู่ในสภาพนี่เนี่ยนะ” นิจิมุระพูดพร้อมกับมุ่นคิ้ว
“เฮ้อ.. พวกหนุ่ม ๆ ล่ะก็… บทจะฮึดก็ฮึดจนฉันตามไม่ทันเลยนะยะ” อเล็กซ์พูดพลางส่ายหน้า “ไปเถอะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โทรมาหาฉันได้เสมอนะ.. ชู ฉันฝากทัตสึยะด้วย”
“โอ้!”
–
“ฉันโทรหาจอห์นไม่ติด”
ฮิมุโระที่วิ่งตามนิจิมุระไปทำคิ้วขมวดหลังจากพยายามโทรศัพท์หาเพื่อนมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับสาย
“เป็นไงบ้างทัตสึยะ?” นิจิมุระที่กำลังวิ่งอยู่หันไปถามอีกฝ่าย
“จอห์นไม่รับสายเลย รู้สึกใจไม่ดียังไงไม่รู้” ฮิมุโระตอบไปแบบนั้นแต่ก็พยายามติดต่อจอห์นไปเรื่อย ๆ
“ฉันว่าลองกลับไปที่เดิมที่ฉันเจอนายดีกว่านะ”
“นายคิดว่าหมอนั่นจะกลับไปตามหาฉันที่นั่นเหรอ?” ฮิมุโระเลิกคิ้วหน่อย ๆ แต่ก็ยอมพยักหน้าแล้วเลี้ยวไปอีกทางที่ไปยังโกดังที่ไปหลบก่อนหน้านี้โดยมีนิจิมุระตามไปติด ๆ
“ฉันรู้สึกว่าพวกนั้นมันจะกลับไปที่นั่นน่ะสิ…”
เมื่อมาถึงโกดังก็เป็นอย่างที่นิจิมุระคิด มีเจ้าพวกแก๊งค์นั้น และจอห์นอยู่จริง ๆ ด้วย พอพวกนั้นเห็นนิจิมุระและฮิมุโระมา ลูกน้องคนอื่น ๆ ก็เข้ามาปิดทางล้อมทั้งคู่ไว้
“โอ้~ ดูท่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาแน่ะครับ ลูกเพ่” ลูกน้องคนนึงกล่าวก่อนจะยิ้มด้วยท่าทางน่าขยะแขยง
“จอห์น!!” ฮิมุโระร้องพร้อมกับตั้งท่าจะวิ่งเข้าไป แต่นิจิมุระรีบฉุดแขนของเขาไว้ก่อน
“บอกแล้วไงว่าอย่าผลีผลามน่ะ! นายบาดเจ็บ สู้พวกนั้นไม่ไหวหรอก” ร่างโปร่งเอ่ยเชิงดุพลางมองฝ่ายตรงข้ามที่มีท่อเหล็กและอุปกรณ์อีกมากมายเป็นอาวุธ ฮิมุโระได้แต่กัดฟันกรอดเมื่อเห็นพวกจอห์นที่บาดเจ็บอยู่
“แล้วจะทำยังไง?”
นิจิมุระเงียบไปสักพักพลางใช้ความคิดว่าต่อไปจะทำยังไงต่อดี “..ลองต่อรองพวกมันดูก่อน ฉันจัดการเอง” นิจิมุระกระซิบบอกฮิมุโระแล้วหันหน้าไปหาเจ้าพวกนั้น
“ปล่อยจอห์นซะ!”
“หาาา เมื่อกี้แกว่าไงนะ เป็นเด็กรึไง คิดว่าฉันจะปล่อยไปง่ายๆหรอ เจ้าเด็กบ้า!” อีกฝ่ายตอบแบบกวน ๆ จนนิจิมุระเริ่มจะทนไม่ไหว เพราะจู่ ๆ ก็นึกถึงไฮซากิที่เคยเป็นเด็กที่อยู่ทีมเดียวกันมาก่อนและเขามักจะหัวเสียเพราะคำพูดคำจาของเจ้าหมอนั่นเป็นประจำ
“จิ๊! เจ้าบ้า พูดดี ๆ ไม่รู้เรื่อง ต้องให้ใช้กำลังสินะ!?”
ฮิมุโระมองนิจิมุระแล้วคิดในใจ ‘…บอกว่าอย่าให้เราผลีผลาม แต่ดันหัวเสียซะเองเนี่ยนะ …ชูบ้า”
เจ้าพวกนักเลงได้แต่หัวเราะก๊ากจนเหมือนจะขาดใจตาย “ฉันว่า จัดการนายคนแรกเลยดีบ้างนะ เจ้าปากเป็ด หึ ๆๆ” ขาดคำ พวกมันก็ตรงเข้ามาล้อมนิจิมุระเอาไว้
เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ แต่ละคนมีอาวุธติดมือกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นท่อเหล็ก หรือของอันตรายอื่น ๆ
“เฮ้ นี่คิดจะหมาหมู่รึไง.. แต่ก็ช่างเถอะ ใครจะเข้ามาก่อนก็เชิญเลย หึ!” นิจิมุระคลี่ยิ้มมุมปาก
แต่ก่อนที่จะสู้กันอย่างดุเดือดนั้น ฮิมุโระก็เข้ามาแทรกกลาง
“ใจร้ายจังนะ ชู”
“หา อะไรน่ะ ฉันบอกให้นายอยู่เฉย ๆ ไม่ใช่รึไงหืม”
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ถ้าเทียบกับจอห์นในตอนนี้” ฮิมุโระหันไปมองชูด้วยสายตาจริงจัง
“ถ้าจะห้ามนายตอนนี้ก็คงเปล่าประโยชน์สินะ… เอาสิ ฝากด้วยล่ะ ทัตสึยะ!”
“ได้เสมอแหละชู” ฮิมุโระยิ้มให้นิจิมุระแล้วหันไปมองเจ้าพวกนั้น “ตอนนี้ก็เป็น 5 ต่อ 2 สินะ เข้ามาได้เลย”
“มีสองคนแล้วไงวะ ก็แค่ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม…” ไอ้นักเลงขนหน้าอกหัวเราะร่วนก่อนจะยกท่อนเหล็กในมือชี้หน้าฮิมุโระ “ที่แกทำไว้กับฉันคราวก่อน จะเอาคืนเป็นเท่าตัวแน่ไอ้หนู เอาให้หน้าสวย ๆ เสียโฉมเลยเป็นไง– เฮ้ย!”
ไม่ทันขาดคำ เท้าของฮิมุโระก็สะบัดเข้าใส่หน้าของมันที่หลบทันแบบเฉียดฉิว
“แกว่าใครหน้าสวยวะ…”
…คำต้องห้ามไหมล่ะ นิจิมุระได้แต่เหงื่อตกเมื่ออีกฝ่ายดันทำฮิมุโระเดือดก่อนเวลาอันควร ทีแรกเขาตั้งใจจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว แต่ในเมื่อเพื่อนชายหน้าสว– เอ่อ ไม่ใช่ ข้ามไป ๆ …ในเมื่อฮิมุโระสับสวิตช์แล้ว ก็คงมีแต่ต้องลุยลูกเดียวแล้วมั้ง
“ว่าแต่….” นิจิมุระมองเจ้าคนที่เกือบโดนฮิมุโระเตะ “นายมัน.. ไอ้ขนหน้าอกเมื่อตอนนั้นนี่หว่า!”
พร่วดด— พอนิจิมุระตะโกนแบบนั้นออกไป เหล่าลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ติดสตั๊นท์แล้วกลั้นหัวเราะกับคำว่า ‘ขนหน้าอก’ ของนิจิมุระ
“….ชู?” ฮิมุโระมองนิจิมุระด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า ถ้าจะยังติดใจกับขนหน้าอกไม่เลิกลาขนาดนี้นะ… พลางส่ายหน้าหน่าย ๆ
“คราวที่แล้วแกยังไม่เข็ดเรอะ ห๊ะ เจ้าขนหน้าอก ตอนนั้นโดนทัตสึยะจัดการจนน่วมเลยนี่?”
คนที่ถูกเรียกว่า ขนหน้าอก หน้าดำหน้าแดง แล้วหันไปมองเหล่าลูกน้องคนอื่น ๆ “หยุดหัวเราะได้แล้วโว้ย! จัดการพวกมัน อย่าให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว!!!”
พวกนักเลงตัวเล็กกว่าที่กำลังหัวเราะร่วนสะดุ้งได้สติก่อนจะขยับท่าทางล้อมนิจิมุระและฮิมุโระเอาไว้ แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัว ฮิมุโระค่อนข้างจะเดือดเกินจำเป็นด้วยซ้ำ ขณะที่นิจิมุระกำลังคิดว่าจะถ้าปล่อยทัตสึยะเป็นบ้าแบบนี้ต่อไป ตัวเองจะโดนลูกหลงจากหมัดหนัก ๆ หรือขายาว ๆ นั่นหรือเปล่า…
ไม่รอให้นิจิมุระคิดหาวิธีแก้ เจ้าพวกนักเลงก็เริ่มบุกเข้ามา แต่ไม่ทันไร ก็โดนขายาว ๆ ของฮิมุโระนั้นถีบเข้าท้องจนน็อคไปคนนึง
นิจิมุระมองอึ้ง ๆ แล้วก็ถึงคิวตัวเองที่ต้องลุยบ้างเมื่อนักเลงพวกนั้นก็บุกมาหาตน นิจิมุระใช้ท่าคาราเต้ทุ่มตัวอีกฝ่ายจนน็อคไปเช่นกัน
“เก่งเหมือนกันนี่ ชู” ฮิมุโระให้มายิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่ดู… น่ากลัว คงเป็นเพราะอารมณ์ที่เดือดจัดนั้น
“โอ้! นายเองก็เหมือนกัน ดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งนะ– เอ่อ.. ฉันหมายถึง ดูเก่ง… เออ ช่างมันเถอะ!” นิจิมุระพยายามระงับคำพูดของตนไม่ให้ไปจุดชนวนให้อีกฝ่ายจนเดือดมากไปอีก
“อะไรของชูเนี่ย ฮ่า ๆ”
ทั้งสองคน นิจิมุระ และ ฮิมุโระ ได้จัดการเจ้าพวกนักเลงรวมถึงเจ้าขนหน้าอกจนล้มหมอบหมดสติกันไปเป็นที่เรียบร้อย โดยใช้เวลาไม่นานนัก
“หา.. อะไรเนี่ย จัดการง่ายกว่าที่คิดรึเปล่า” นิจิมุระเลิกคิ้วพึมพำกับตนเบาๆ
“ฮะ ๆ นั่นสินะ อ๊ะ! จริงสิ จอห์น” ฮิมุโระรีบวิ่งไปหาจอห์นที่นอนหมดสติอยู่ “จอห์น เป็นอะไรรึเปล่า ฟื้นสิ!”
นิจิมุระเดินเข้ามาดูข้าง ๆ “จอห์นแค่หมดสติไป คิดว่าอีกสักพักก็คงจะฟื้น”
“อื้ม ..ค่อยยังชั่ว อุ๊บ!” ฮิมุโระกุมแผลที่ท้องตัวเองแล้วทรุดลงไป
“ทัตสึยะ เป็นอะไร!?” นิจิมุระเห็นท่าทางที่ไม่ดีของฮิมุโระ จึงรีบพยุงอีกคน “…ตัวร้อนมากเลยนะนั่น”
พอนิจิมุระพูดแบบนั้น ฮิมุโระก็ล้มลงหมดสติไป และนิจิมุระก็โทรเรียกอเล็กซ์ให้มารับ เพราะแค่ตัวคนเดียว นิจิมุระไม่มีทางที่จะแบกทั้งฮิมุโระและจอห์นได้แน่ ๆ …
–
“พวกนาย ทัตสึยะตื่นแล้วนะ”
อเล็กซ์เดินออกมาจากห้องพยาบาลของสนามที่ใช้เป็นที่ซ้อมของชมรมพลางส่งเสียงบอกพวกนิจิมุระที่นั่งรออยู่ด้านนอก ซึ่งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็พลอยถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะทัตสึยะเป็นคนที่ดูอาการแย่ที่สุด
“ทัตสึยะ เป็นไงบ้าง!?” นิจิมุระเห็นว่าอีกฝ่ายฟื้นแล้วเลยรีบเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“อือ..ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ชูเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“เจ้าบ้า! นี่นายยังมีเวลามาห่วงคนอื่นอีกงั้นเหรอ คนที่อาการหนักสุดก็คือนายนะ!” นิจิมุระเผลอพูดเสียงดังใส่ด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่ร่างเล็ก ๆ จะวิ่งเข้ามาหา
“ทัตสึยะ ฟื้นแล้วเหรอฮะ?” ไมค์วิ่งเข้ามาเกาะข้างเตียงของฮิมุโระด้วยท่าทางร้อนรน ใบหน้าถึงแสดงถึงความกังวลและเป็นห่วง
“ไงไมค์…ฉันไม่เป็นไร” ฮิมุโระหัวเราะก่อนที่จะถูกไมค์โผเข้ากอดแน่น ร่างโปร่งยิ้มบางแล้วลูบหัวเด็กน้อยเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
“โชคดีจังฮะ…ผมตกใจแทบแย่ตอนรู้เรื่อง แต่ทัตสึยะปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ!” ไมค์เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่ให้ก่อนจะหันไปหานิจิมุระ “ชูอ่ะ! ดูแลทัตสึยะดี ๆ หน่อยสิฮะ!”
“ห๊า!? นี่ฉันผิดเรอะ?” เบ้ปาก “คนที่ช่วยทัตสึยะคือฉันนะเฟ้ย!!” นิจิมุระขยี้ผมไมค์จนยุ่งด้วยความหมั่นไส้
“ไม่รู้แหละฮะ ชูนั่นแหละผิด!! แบร่!” ไมค์แลบลิ้นให้ชูก่อนที่จะหนีไปอีกฝั่งใกล้ ๆ ฮิมุโระเพื่อที่ใช้เป็นโล่ป้องกันจากมะเหงกของนิจิมุระ
“….อย่าทะเลาะกันสิ” ฮิมุโระส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ชูนี่ก็ชอบแกล้งเด็กจังเลยนะ”
“เฮ้ย..! นี่รุมกันแกล้งฉันนี่”
“ถ้าทัตสึยะไม่เป็นอะไรแล้ว พวกฉันขอไปซ้อมบาสให้พวกเด็ก ๆ ต่อเลยละกัน ชู ฉันฝากดูทัตสึยะด้วยนะ” อเล็กซ์ที่อยู่ด้วยเอ่ยพลางยิ้มให้เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว “ไมค์ก็มาด้วยกันนะ ไปซ้อมบาสกัน”
“ฮะ ถึงผมจะอยากอยู่ต่อกับทัตสึยะก็เถอะ..” ไมค์เงยหน้ามองนิจิมุระ “ชูอย่าแกล้งทัตสึยะตอนผมไม่อยู่นะ! ไม่งั้นผมกระโดดเตะชูแน่!”
“………………..โหดจริง ๆ นะ” ชูเอ่ย
แล้วภายในห้องก็มีแค่ทัตสึยะที่นอนอยู่บนเตียงและนิจิมุระที่นั่งเฝ้า ภายในห้องมีแต่ความเงียบสักพักใหญ่ แล้วบรรยากาศก็ทำให้นิจิมุระรู้สึกประหม่า
“..จู่ ๆ ก็รู้สึกเขินแฮะ”
“หา ชูเขินอะไร?”
“ก็… ไม่รู้สิ ไม่มีเหตุผล”
“ชูบ้า” ทัตสึยะยิ้มขำ “ชู ขอบใจที่ช่วยฉันไว้นะ..”
“แล้วไหงมาว่าฉันบ้าเล่า เจ้าบ้าทัตสึยะ…” นิจิมุระลูบท้ายทอยพลางเหลือบไปอีกทาง “เรื่องเล็กน้อยแค่นั้นไม่ต้องขอบคุณหรอกน่า นายปลอดภัยแค่นั้นก็พอแล้ว– เอ่อ ต้องเป็น ‘พวกนาย’ สิ”
“ทุกคนไม่เป็นไรใช่ไหม…ดีแล้วล่ะ” ฮิมุโระหัวเราะเบา ๆ พลางเขี่ยผ้าห่มเล่นไปมา “แต่ว่า…ฉันรู้สึกจริง ๆ นะชู ว่าเรื่องมันน่าจะยังไม่จบแค่นี้”
“หมายความว่าไง?”
“ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้…ว่าอะไร ๆ มันก็ดูง่ายผิดปกติ” แววตาของฮิมุโระเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเอ่ยประโยคนั้นออกมา นิจิมุระได้แต่ทอดสายตามองเพื่อนรักเงียบ ๆ
เกลียดชะมัด…แววตาแบบนั้นของทัตสึยะ
เกลียดชะมัด…ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลแบบนั้นของทัตสึยะ
“…ชู”
“อ๊ะ…!” เสียงของฮิมุโระปลุกนิจิมุระออกจากภวังค์ เด็กหนุ่มเบิกตาเล็กน้อยเมื่อพบว่าใบหน้าของตัวเองเลื่อนมาใกล้ทัตสึยะตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ ร่างโปร่งรีบผละออกห่างทันที
บ้าเอ๊ย…ชูโซ เมื่อกี้แกจะทำอะไรของแก!
“เอ่อ..คือ….” นิจิมุระเงียบไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมา “…ฉันสัญญา ว่าฉันจะช่วยนาย…จะช่วยนายให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะแลกด้วยร่างกายฉันก็ตาม….ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะนะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร”
นิจิมุระพูดพร้อมกับเลื่อนมือไปลูบศีรษะนุ่มของฮิมุโระด้วยความอ่อนโยน “สัญญาเลย ว่าจะไม่ปล่อยให้นายเจ็บตัวแบบนี้อีกแล้ว ฉัน…” ดวงตาคู่คมสบประสานกับอีกฝ่ายด้วยแววที่จริงจัง
“..ฉันรักนายนะ ทัตสึยะ”
ฮิมุโระเบิกตาเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น ริมฝีปากบาง ๆ เผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะเอ่ยบางอย่าง
“ชู…ฉัน—”
“ทัตสึยะ แย่แล้ว!!”
เสียงท้ายประโยคถูกกลบด้วยเสียงกระแทกประตูเปิดและร่างของเพื่อนคนหนึ่งของเขาที่พรวดพราดเข้ามาก่อนจะร้องบอกด้วยท่าทางร้อนรน
“พวกมัน…พวกมันตามมาที่นี่!”
นิจิมุระเบิกตากว้าง แต่ก่อนจะทันได้ทำอะไร ร่างที่เมื่อครู่ยังอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นแล้วถลาวิ่งผ่านตัวเขาออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“ทัตสึยะ!!” นิจิมุระตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายก่อนจะวิ่งตามไปแล้วคว้าจับแขนอีกคนไว้ “อย่ารีบร้อนแบบนั้นสิ ทัตสึยะ!”
“แต่พวกมัน..!” ฮิมุโระเงยหน้ามองนิจิมุระแล้วชะงักไปช่วยครู่
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง เมื่อกี้ฉันก็บอกแล้วใช่ไหม?”
“แต่จะให้ฉันนอนเฉย ๆ แล้วให้นายจัดการกับพวกมันคนเดียวได้ยังไงกันล่ะ!?”
“ตั้งสติหน่อยทัตสึยะ ตอนนี้ยังไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้น บุ่มบ่ามทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง เดี๋ยวก็ได้เจ็บหนักขึ้นอีกหรอก!”
ฮิมุโระเงียบไปก่อนจะมีท่าทีที่ใจเย็นลง “..ขอโทษนะชู ฉันเข้าใจแล้ว แต่… ให้ฉันช่วยชูได้ไหม? ..จะให้ฉันนอนเฉย ๆ ฉันทำไม่ได้หรอก”
“อ่า เข้าใจแล้ว แต่สัญญามาก่อนนะ ว่าจะไม่ทำอะไรแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าฉันไม่ได้บอกให้ทำ?”
“ตกลง”
“ชู! ทัตสึยะ!”
เสียงร้องของไมค์ทำให้ทั้งสองรู้สึกตัวก่อนจะรีบวิ่งออกไปตรงสนามที่เด็ก ๆ ใช้ซ้อมทันที และภาพที่ปรากฏต่อหน้าก็ทำให้ฮิมุโระแทบจะขาดสติพุ่งเข้าไปถ้านิจิมุระไม่เอาตัวขวางไว้ก่อน
“โฮ่ ออกมาแล้วเหรอ ไอ้หนู…”
ชายร่างใหญ่มีรอยสักเต็มตัวที่น่าจะเป็นหัวโจกใหญ่ของไอ้พวกขนหน้าอกโจทก์เก่าของทั้งคู่แสยะยิ้ม ท่อนแขนกำยำด้วยมัดกล้ามล็อคคอไมค์ที่พยายามดิ้นสุดแรง รอบ ๆ มีพวกผู้ชายที่ถืออาวุธทั้งท่อนเหล็ก ท่อนไม้และปืนยืนอยู่ ร่างของอเล็กซ์นอนหมดสติอยู่ไม่ห่าง คงจะพยายามช่วยแล้วเลยโดนลงมือ เด็กคนอื่นถูกคุมไว้มุมหนึ่ง ในขณะที่พวกเพื่อน ๆ ของฮิมุโระเองก็ถูกต้อนไปรวมกันและโดนปืนจ่อขู่อยู่อีกด้าน
“ได้ยินมาว่าพวกแกเก่งใช่ย่อยเลยนี่”
“ปล่อยไมค์นะ!!” ฮิมุโระคำราม แต่มันกลับยิ่งแสยะยิ้มเหมือนจะพอใจที่เขาทำอะไรไม่ได้ ท่อนแขนใหญ่กระชับล็อคคอไมค์ขึ้นอีกจนเด็กน้อยยิ่งดิ้นพราดอย่างน่าสงสาร พวกเพื่อน ๆ ที่อยู่อีกฝั่งได้แต่กัดฟันมอง ในขณะที่พวกเด็ก ๆ ของชมรมยิ่งร้องไห้ด้วยความกลัว
“ชูหลบไป! ฉันจะช่วยไมค์!” ฮิมุโระเอ่ยพลางพยายามดันนิจิมุระหลบ แต่อีกฝ่ายยิ่งขืนตัวไว้
นิจิมุระทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นที่ฮิมุโระจะไปช่วยไมค์ เจ้าตัวกลับพูดอีกฝ่ายที่จับตัวไมค์ไว้อย่างใจเย็น “ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน สนใจไหม? แน่นอนว่ามันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม” นิจิมุระยิ้มมุมปากให้พวกนั้น
“โฮ่ กล้าดีนะ ว่าไงล่ะ ข้อแลกเปลี่ยนของแกที่ว่า”
“นายกับฉัน ไม่สิ..พวกนายทั้งหมด มาสู้กับฉันสิ”
“อุ๊…วะฮ่าๆๆๆๆ กล้าดีนะเจ้าหนู คิดว่าตัวแกคนเดียวจะทำอะไรพวกข้าทั้งหมดได้”
“ชู! คิดบ้าอะไรอยู่น่ะ อย่างชูน่ะ…”
“ทำได้สิ” นิจิมุระหันไปมองฮิมุโระที่ทำหน้าแบบไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำได้ “ขอเวลาแป๊บเดียว เดี๋ยวฉันมานะ”
ชายร่างยักษ์ได้โยนร่างไมค์ไปให้พรรคพวกที่อยู่อีกทางแล้วเดินมาทางนิจิมุระเหมือนเห็นคนตรงหน้าเป็นอาหารอันโอชะ
เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจยาวพลางเงยหน้ามองเงาร่างยักษ์ตรงหน้าก่อนจะเปลี่ยนท่าเป็นท่าตั้งการ์ดแบบคาราเต้วิชาถนัด ฝ่ายตรงข้ามแสยะยิ้มก่อนจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ทันที แต่โชคดีที่นิจิมุระเตรียมพร้อมอยู่แล้วเลยก้มตัวหลบทันพลางมุดตัวลอดใต้ช่วงแขนของร่างยักษ์ไปด้านหลังก่อนจะฟาดลูกเตะเข้าที่ขาของมัน
หวา! แข็งชะมัด ไม่สะเทือนเลยเว้ย!
อดีตกัปตันทีมบาสเทย์โคตะโกนลั่นในใจก่อนจะเอี้ยวตัวหลบหมัดที่เหวี่ยงเข้ามาหาอีกรอบ พลางเหลือบตามองรอบตัวเป็นระยะว่าพวกของมันจะบุกเข้ามาหรือเปล่า ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะพวกนั้นกระชับอาวุธเตรียมพร้อมกันแล้วพุ่งใส่นิจิมุระ แต่เจ้าตัวก็หลบทันแบบฉิวเฉียดก่อนจะใช้ลูกถีบเตะพวกมันจนหมอบ
“ขี้โกงใช่เล่นเลยเว้ยเฮ้ย!” นิจิมุระบ่นออกมาเป็นภาษาแม่ตัวเอง
อีกฝั่งหนึ่ง ฮิมุโระที่กำลังมองการต่อสู้ของชูอยู่ก็กัดฟันแน่น แต่ก่อนที่จะได้พุ่งเข้าไปช่วยก็กลับรู้สึกได้ถึงเงาของพวกของมันโผล่มาจากด้านหลัง หากแต่ยังไม่ทันตอบโต้ ในหูของเด็กหนุ่มก็ยินเสียงปะทะดังขึ้นพร้อมกับความปวดหนึบที่ตรงต้นคอจนเซถลาล้มลงไปกองกับพื้น
ทัตสึยะ…!
นิจิมุระที่เหลือบเห็นฮิมุโระถูกฟาดด้วยท่อนไม้หนัก ๆ จนทรุดพอดีได้แต่ร้องเรียกอยู่ในใจพลางยกแขนการ์ดรับท่อเหล็กที่ฟาดลงมา แล้วเอี้ยวตัวส่งลูกเตะกลับหลังเข้าที่ก้านคอของคนที่โจมตีตัวเองเมื่อกี้แล้วก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยพลางหอบหายใจ
บ้าเอ๊ย! เจ็บใจนัก ทั้งที่สัญญาไว้แล้วแท้ ๆ ทำไมเราถึงไร้ประโยชน์แบบนี้นะ..!
นิจิมุระโทษตัวเองในใจซ้ำ ๆ แล้วความโกรธที่มีอยู่ภายในใจก็ได้ล้นทะลักออกมา เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปจัดการเจ้าร่างยักษ์นั้นอยู่หมัดภายในพริบตาด้วยลูกเตะที่ใส่สุดแรงอย่างไม่รู้ตัวจนร่างยักษ์ล้มฟาดลงไปกับพื้น
“อย่าแตะต้องทัตสึยะ!” เด็กหนุ่มตะโกนลั่นก่อนจะวิ่งเข้าไปหาฮิมุโระที่ล้มอยู่บนพื้นโดยมีพวกนั้นรุมไว้อยู่ แต่ก่อนจะเข้าไปถึงนั้นเอง–
“ชู!!”
ปัง!
นิจิมุระเซถลาก่อนจะทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น เด็กหนุ่มกุมต้นขาที่มีเลือดไหลซึมจากการโดนกระสุนปืนถากเข้าไปลึกพอควร ถึงเพื่อนของทัตสึยะจะตะโกนเตือนแต่ก็ช้าเกินกว่าที่เขาจะหลบได้แล้ว ดวงตาสีเทาคู่คมได้แต่เขม้นมองภาพของทัตสึยะที่ถูกกระชากผมให้เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะโดนเอาบางอย่างใส่ปากและพวกมันก็กรอกน้ำตามลงไปอีก
ยางั้นเหรอ…หรือว่าอะไร!
โธ่เว้ย! เจ็บใจนัก ทำไมขาถึงไม่ขยับนะ! ชูโซ ไปช่วยทัตสึยะสิ ไหนสัญญาแล้วว่าจะปกป้องไง!
“ทัตสึยะ!!!!!!” นิจิมุระตะโกนเรียกฮิมุโระที่ตอนนี้ไม่มีสติแล้ว
ร่างสูงโปร่งลืมความเจ็บลุกขึ้นไปหาเจ้าพวกที่อยู่กับฮิมุโระด้วยท่าทางโกรธจัด ก่อนจะลงมือจัดการเจ้าพวกนั้นอย่างบ้าคลั่งอย่างคนไร้สติที่จะเกินควบคุมได้ …ตอนนี้ไม่มีใครห้ามนิจิมุระได้อีกแล้ว
“ชูฮะ!!”
เสียงตะโกนของไมค์ดังขึ้น เจ้าของชื่อหันควับไปมองก่อนจะรู้สึกถึงเงาใหญ่ ๆ ที่มาซ้อนอยู่ข้างหลังในระยะประชิด ชายร่างผอมสูงเงื้อไม้ยาวในมือขึ้นหมายจะฟาดลงมา ใกล้เกินกว่าที่นิจิมุระจะหันไปตอบโต้ได้
พลั่กกก!!
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาเมื่อไม่รู้สึกถึงความเจ็บอย่างคาด คนที่กำลังจะลงมือกับเขาเมื่อกี้ล้มลงไปกองกับพื้น ตรงหน้าเขามีร่างของอเล็กซ์ที่กำท่อนเหล็กไว้ในมือพลางหอบหายใจถี่ ๆ
“อย่ามายุ่งกับนักเรียนของฉันนะ…ไอ้พวกบ้านี่”
“อเล็กซ์…” นิจิมุระผ่อนลมหายใจยาว ก่อนจะทำหน้านึกได้รีบวิ่งไปหาฮิมุโระที่นอนหมดสติอยู่ ในขณะที่พวกเพื่อน ๆ นักสตรีทบาสอาศัยจังหวะตั้งแต่ตอนที่เขาถูกยิงลุกขึ้นจัดการกับเจ้าพวกที่เหลือจนหมดแล้ว
“ทัตสึยะ!” เด็กหนุ่มร้องเรียกพลางเอื้อมไปจะพลิกตัวฮิมุโระขึ้นมา แต่เสียงของอีกฝ่ายกลับทำเขาหยุดชะงัก
“ชู…อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
“……..” ใจของนิจิมุระเหมือนถูกขยี้จนแหลกสลายเพราะคำพูดของอีกฝ่าย “…ทัตสึยะ?”
“ขอร้องล่ะ…ออกห่างจากฉันเถอะนะ”
“ทำไมล่ะ! นายเป็นอะไรทัตสึยะ พวกนั้นทำอะไรนาย บอกฉันมานะ!” นิจิมุระตวาดถามอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“….” ฮิมุโระเงียบก่อนจะเอ่ย “…..ขอร้องเถอะ ชู ..ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”
“นายเป็นอะไร.. ทัตสึยะ”
ใบหน้าของฮิมุโระแดงจัด และเริ่มมีเม็ดเหงื่อไหลที่ใบหน้า ทำให้สภาพของเขาตอนนี้ดูเซ็กซี่และเย้ายวนมากในสายตาของนิจิมุระ
“……..หรือว่านายจะ…”
“อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!!” ฮิมุโระตวาดลั่นก่อนจะขยับตัวถอยหลังไปแล้วค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นช้า ๆ อย่างทุลักทุเล ทั้งอเล็กซ์ พวกเด็ก ๆ และเพื่อน ๆ ได้แต่มองด้วยความตกใจ
“ทัตสึยะ…” ไมค์ร้องเบา ๆ ตั้งท่าจะวิ่งเข้าไปหาแต่อเล็กซ์รีบคว้าตัวไว้
“อย่ามาใกล้ฉัน…อย่ามายุ่งกับฉัน…พวกนายทุกคน” เด็กหนุ่มหน้าสวยเอ่ยพลางหอบหายใจ “ปล่อยฉันไว้คนเดียวสักพักเถอะ…”
ฮิมุโระเอ่ยแค่นั้นก่อนจะกอดร่างตัวเองเดินออกไป
นิจิมุระมองแผ่นหลังของเพื่อน ก่อนจะหันไปหาอเล็กซ์
“เดี๋ยวฉันไปเอง… ตอนนี้ฝากอเล็กซ์พาเด็ก ๆ กลับไปก่อนนะ ฉันกับทัตสึยะจะตามไปทีหลัง”
“แต่นายต้องทำแผลก่อนนะ โดนยิงมาไม่ใช่หรือไง?”
“อ่า ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ยังไม่เท่ากับทัตสึยะที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอก”
นิจิมุระพูดจบแล้วก็วิ่งออกไปทางเดียวกับทัตสึยะ พยายามมองหาไปทั่วทุกที่ จนกระทั่งมาเจออีกคนที่นั่งกอดตัวเองอยู่ในห้องล็อกเกอร์ในยิม
“ฉันบอกไม่ให้ตามมาไง.. ชู”
“นายโดนพวกมันกรอกยามาใช่ไหม?”
“…..” ฮิมุโระเงียบ
“ให้ตายสิ! เรื่องแบบนี้ถึงจะบอกว่าอยากจะอยู่คนเดียว ฉันก็ไม่ให้นายทำมันเองหรอกนะ” นิจิมุระเดินเข้าไปใกล้แล้วสวมกอดอีกคนไว้ “อย่าลืมสิ ว่าฉันรักนาย..”
ฮิมุโระกัดฟันแน่นก่อนจะหันใบหน้าที่แดงก่ำนองน้ำตาขึ้นมามองอีกคน
“ฉันเตือนนายแล้วนะ…ชูโซ”
–
นิจิมุระ ชูโซ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรื่องมันดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง…
ใต้ร่างของเขา คือร่างเปลือยเปล่าขาวสะอาดของเพื่อนสนิทคนสว– อุ ไม่สิ หล่อแล้วกัน …ฮิมุโระ ทัตสึยะ
ดวงตาสีเทาของนิจิมุระกวาดมองทั่วร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเพื่อน ที่จากนี้อาจจะไม่ใช่แค่เพื่อนอีกต่อไป ผิวของทัตสึยะขาวมากเป็นทุนเดิม พอถูกกระทำเช่นนี้ เลยทำให้สีแดงเรื่อเด่นชัดตามร่างกายและใบหน้าสวย ๆ
บ้าเอ๊ย! สติจะแตก…
เสียงครางของทัตสึยะหวานอย่างกับอะไรดี เล่นงี้ใครจะไปหยุดตัวเองอยู่กันฟะ! ทัตสึยะเองก็ตั้งสติหน่อยสิเฮ้ย! …อดีตกัปตันทีมบาสเกตบอลโรงเรียนเทย์โคตะโกนลั่นในใจ
…แต่ก็ใช่ว่าอยากหยุดเสียหน่อยนี่นา…
“ชู…”
นิจิมุระยิ้มบาง ๆ พลางไล้มือไปบนแก้มของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ฮิมุโระที่ผ่อนคลายลงบ้างแล้วยิ้มตอบเขาขณะผ่อนลมหายใจหอบกระชั้นเป็นจังหวะ
“ฉันรักนาย”
ริมฝีปากอุ่นประกบแนบชิดกันพร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้นอีก จังหวะที่ส่งต่อให้เริ่มประสานกันอีกครั้งจนกระทั่งกลายเป็นความรู้สึกอันร้อนแรง
ฉันรักนาย…รักนายนะ ทัตสึยะ
My sweet honey
–
“ฮ่า ๆ ..ชูนี่ เก่งเรื่องลามกจังเลยนะ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ… แต่นายก็ร้องเสียงหวานมากเลยไม่ใช่หรือไงน่ะ”
“ก็ไม่รู้สินะ”
ฮิมุโระที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดอุ่น ๆ ของนิจิมุระหลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“แล้วแผลไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ?”
“…..นี่ฉันลืมเรื่องแผลไปเลยนะเนี่ย”
“แย่จริงชู” ฮิมุโระส่ายหน้าเอือม ๆ “มาสิ เดี๋ยวฉันทำแผลให้”
“เดินไหวเรอะ?”
“บ้า… ต้องไหวสิ”
เจ้าของใบหน้าหวานหัวเราะพลางลุกไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมา ขณะกำลังนั่งลงจะทำแผลให้นิจิมุระที่นั่งพิงล็อคเกอร์อยู่ ก็มีเสียงประตูของห้องถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างเล็กเรือนผมสีส้มที่โผล่เข้ามา
“แฮ่!”
“ฮ-เฮ้ย! ไมค์!!” ชูร้องเรียกชื่อเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความตกใจ พร้อมกับฮิมุโระที่หันไปมองตามเสียง
“ไมค์ มาได้ยังไง ..แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ?”
“อื๋อ ผมมาคนเดียวฮะ แล้วนี่ทัตสึยะกับชูทำอะไรกันฮะ?” เด็กน้อยมองทั้งสองคนด้วยสายตาใสซื่อ แต่แฝงไปด้วยเลศนัย “ฮันแน่ ผมรู้นะฮะ XD”
“อะไรเล่า! ทัตสึยะแค่จะทำแผลให้ฉันหรอกน่ะ”
“อ๋อ~ เหรอฮะ ทำแผลต้องถอดเสื้อผ้าหมดเลยเหรอฮะ?”
“ไมค์…” ฮิมุโระเรียกชื่อเด็กน้อย “เป็นเด็กดีนะ แล้วปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ‘ห้าม’ บอกใครเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะตีก้นให้แดงแจ๋เลย”
“อืม~ เอายังไงดีน้าา อ๊ะ! แต่เพื่อทัตสึยะ ผมไม่บอกใครก็ได้ แต่ชูต้องเลี้ยงเบอร์เกอร์ผมนะ?”
“เฮ้ย ไหงเป็นฉันที่ต้องเลี้ยงล่ะ เจ้าเด็กนี่!”
“ไม่รู้ล่ะ~ งั้นผมไปนะฮะ ไปเล่นกับจอห์นต่อแล้ว”
พอเด็กน้อยจอมทะเล้นออกไป ทั้งคู่ต่างก็มองหน้าหากัน
“จอห์น?… แล้วไหนบอกว่ามาคนเดียวไงฟะ!!!!!!!!”
END
Talk :
ไวโอเล็ตต้า : เหนื่อยค่ะ– 55555555555555555 แต่สนุกมาก ขอบคุณคุโรชี้(?) ที่ต่อบทกันได้อย่างไหลลื่นตลอดมวา ว้าย เขิน—– #ยังเมนม่วงน้ำแข็งนะคะ 5555555555 แค่จริงๆ แล้วอวยออลน้ำแข็ง—-
คุโรชิ : จบแล้ว แฮ่! จบด้วยความเกรียน เอ๊ย ความน่ารักของไมค์—- 55555555555555555555555555555555555555555 ดองฟิคมาหลายเดือนเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เขินตุง(….) ฟิคคู่แรกที่แต่งแล้วสำเร็จ บอกเลยว่าฟิคเดี่ยวๆ ยังไม่เคยจะแต่งจบ(…) รู้สึกแบบ อ่าห์~ คิมูจิ— ฟิคนี้จะเรียกว่า รุ้งน้ำแข็ง ที่โดนไมค์แย่งชิงบทไปตอนสุดท้าย(…) 555555555 ไมค์รักหม่ามี้ทัตสึยะ เลยแกล้งแดดดี๊ชู #ไมค์ได้กล่าวไว้—- อาจจะมีฟิคแต่งร่วมกับพี่ไวโอเล็ตต้าอีก รู้สึกว่าจะมีหลายคู่มาก—– กร๊าก คือ คุยกับพี่ไวโอเล็ตต้าแล้วลื่นไหลที่สุด 555555 ในแชทนี่สามารถโรลกันได้ถึง 2 คู่ในแชทเดียว—- 2 คู่ที่ว่าอาจจะเป็นฟิคแต่งร่วมกันในคราวต่อๆ ไป—- ยังไม่บอกว่าคู่ไหน อิอิส์ /โดนตบกลิ้ง—