Title : The Emperor And The Girl (จักรพรรดิและเด็กสาว)
Paring : Akashi Seijurou x Mayuzumi Chihiro (c)
Rate : PG-13
Note : นายน้อยเป็นโอเรชินะคะ (แม้จะมีแต่คำแทนตัวว่า ผม ก็เถอะ) ไม่เคยแต่งนายน้อยมาก่อนเลย…แน่นอนพี่มายุด้วย หากมีข้อผิดพลาดแต่ประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ m(_ _)m
The Emperor And The Girl : Chapter 2 ‘A Shopping Day’
“มายุสุมิซัง…เสื้อผ้าใส่ได้ไหมครับ?”
อาคาชิเคาะประตูห้องที่เขาให้มายุสุมิพักพลางเอ่ยถาม เพราะหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ และบอกเรื่องที่จะไปซื้อของวันนี้พร้อมกับให้สาวใช้จัดเสื้อผ้า รุ่นพี่ที่กลายเป็นผู้หญิงของเขาก็หายเข้าห้องไปนานเป็นชั่วโมง ให้สาวใช้มาตามหลายครั้งก็ไม่ยอมเปิดประตู ไม่ยอมตอบอะไรจนนายน้อยของบ้านต้องขึ้นมาตามเอง
“มายุสุมิซัง…?”
เด็กหนุ่มส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ก่อนที่ประตูห้องจะถูกแง้มออกมาช้า ๆ
“อาคาชิ…ถามสาวใช้นายให้หน่อยสิว่าไอ้นี่มันใส่ยังไง” มายุสุมิทำสีหน้ายุ่งสุด ๆ พร้อมกับยื่น ‘ไอ้นี่’ ที่ว่าออกมา อาคาชิกะพริบตามองของในมือเรียวบางแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนถือ
“บราเซียร์น่ะเหรอครับ…”
“…เออ บราเซียร์นั่นล่ะ”
“เอาสายคล้องแขนแล้วก็ติดตะขอไงครับ”
“ก็มันติดไม่ได้นี่!”
“ให้ผมเรียกคนใช้มาติดให้ไหมครับ?”
“ไม่เอา! ไม่อยากให้ใครมาเห็นฉันในสภาพนี้หรอกนะ!”
อาคาชิถอนหายใจพรืดอย่างจนปัญญา แล้วใช้มือผลักประตูเหมือนจะเปิดเข้าไป ทำให้มายุสุมิที่แอบอยู่หลังประตูสะดุ้งรีบดันฝืนไว้ทันที
“จะทำอะไรของนายน่ะ!?”
“ช่วยคุณใส่บราไงครับ หันหลังไปแล้วเอาสายคล้องไหล่ไว้ให้ดีนะครับ” เด็กหนุ่มแย้มรอยยิ้มบาง ๆ แล้วออกแรงดันประตูมากขึ้นอีก ทว่าสำหรับมายุสุมิแล้ว รอยยิ้มนั่นไม่ต่างจากรอยยิ้มของปีศาจร้ายแสนซนเลย
“ดะ…เดี๋ยวสิ! เข้าใจแล้ว! แล้วก็เลิกดันสักที!” เด็กหนุ่มที่กลายเป็นสาวร้องลั่นก่อนจะดันประตูปิด
อาคาชิแอบหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางมองประตูห้องที่ปิดเงียบไปอีกพักหนึ่ง ก่อนจะมีเสียงดังลอดออกมา “เรียบร้อยแล้ว” เด็กหนุ่มจึงค่อย ๆ ผลักประตูเข้าไป
มายุสุมิยืนหันหลังให้เขาอยู่ บราเซียร์ถูกสวมไว้กับไหล่บางทั้งสองข้างแล้ว เหลือก็แต่ตะขอที่ยังไม่ได้ติดให้เรียบร้อย ท่อนล่างสวมกระโปรงพลีตยาวคลุมเข่ากับรองเท้าบูทยาว ส่วนเสื้อเชิ้ตและคาร์ดิแกนสีอ่อนที่สาวใช้ของเขาจัดมาให้ยังกองอยู่บนเตียง กัปตันของราคุซันยิ้มบางแล้วก้าวเข้าไปยืนด้านหลังอย่างเงียบ ๆ
“คุณดูต่างจากตอนเป็นผู้ชายนิด ๆ นะครับ” อาคาชิเอ่ยพลางช่วยติดตะขอบราให้
“หมายความว่าไง?” มายุสุมิปล่อยผมที่รวบไปไว้ด้านหน้าพลางหันมามอง
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ แค่ว่า…ผมรู้สึกแบบนั้นเท่านั้นเอง” เด็กหนุ่มผมแดงยิ้มหวานก่อนจะผละออกมา หันไปหยิบเสื้อเชิ้ตที่อยู่บนเตียงส่งให้ “เรียบร้อยแล้วครับ นี่เสื้อของคุณ…ต้องให้ผมช่วยใส่ไหมครับ?”
“ใส่เองได้!” มายุสุมิฉวยเอาเสื้อไปแล้วหันหลังให้กัปตันทีมเพื่อสวมให้เรียบร้อย อาคาชิอมยิ้มน้อย ๆ ถือวิสาสะเอื้อมมือไปช่วยจัดปกเสื้อเชิ้ตให้คนตรงหน้า สาวสวยหันมาเหลือบค้อนใส่ด้วยสายตาเข้าให้ทีหนึ่งแต่เขาก็เพียงแค่หัวเราะในลำคอโดยไม่ใส่ใจ
“ผมจะรออยู่ข้างล่าง ถ้าเรียบร้อยแล้วก็รีบไปกันนะครับ”
หลังแต่งตัวเรียบร้อย แจกแจงเรื่องที่จะไปทำในวันนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง อาคาชิก็พามายุสุมิเดินออกจากคฤหาสน์โดยที่ปฏิเสธคนขับรถที่อาสาจะไปส่ง แม้คนเป็นรุ่นพี่จะนึกแปลกใจ แต่เด็กหนุ่มผมแดงก็เพียงยิ้มอย่างใสซื่อให้เหตุผล “อยากมีเวลาคุยกับมายุสุมิซังตามลำพังน่ะครับ”
“เหตุผลอะไรของนายกัน” มือเรียวของมายุสุมิกระชับสายกระเป๋าสะพายที่คล้องบ่า เป็นของอีกอย่างหนึ่งที่สาวใช้เตรียมไว้ให้ แอบประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่คนของอาคาชิจัดหาเสื้อผ้า รองเท้าและชุดชั้นในให้เขาได้พอดิบพอดีขนาดนี้…ทั้งในความหมายเรื่องเวลาและไซส์น่ะนะ
“ก็เป็นเหตุผลตรงไปตรงมาแบบนั้นล่ะครับ…” อาคาชิหัวเราะเบา ๆ “หลังจากวันนั้นบนดาดฟ้า เราก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะมายุสุมิซังบอกว่าอยากจะใช้เวลาตามลำพัง ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสดีไม่น้อยเลย”
“อะไรนะ?” มายุสุมิหันไปมองคนข้างกายเพราะได้ยินเสียงพึมพำ แต่อาคาชิก็เพียงส่ายหน้าไปมา
“นั่งรถไฟไปไหมครับ? หรืออยากเดินชมวิวไปเรื่อย ๆ”
“ขาลากพอดีน่ะสิ…” มายุสุมิถอนหายใจพลางดึงแขนเสื้อคนข้างตัวเบา ๆ เรียกให้รุ่นน้องหันมามองได้ไม่ยากนัก ดวงตากลมหลุบลงเล็กน้อยก่อนจะถามเสียงเบา “นายว่า…ฉันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม?”
“เพิ่งวันที่สองเอง…กังวลแล้วเหรอครับ” ริมฝีปากของอาคาชิคลี่เป็นรอยยิ้มอ่อนโยน มือเอื้อมไปเกี่ยวเส้นผมสีอ่อนที่ระอยู่ข้างแก้มเนียนเหน็บข้างหูให้รุ่นพี่อย่างนุ่มนวล “ออกปากไปแล้วว่าจะหาทางช่วย ผมก็ไม่ผิดสัญญาหรอกครับ”
มายุสุมิเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะยอมพยักหน้าและเหลียวกลับไปมองทางเหมือนเดิม อาคาชิเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ดึงมือกลับมาโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวลงระหว่างที่เดินไปยังสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดท่ามกลางบรรยากาศเย็น ๆ ต้นเดือนกุมภาพันธ์
ทั้งสองคนขึ้นรถไฟไปด้วยกันโดยไม่ได้สนทนาอะไรกันมากนัก เพราะมายุสุมิเป็นคนเงียบ ๆ ส่วนอาคาชิก็พอใจที่จะยืนมองรุ่นพี่นั่งอ่านไลท์โนเวลขณะรถที่เต็มไปด้วยผู้คนเคลื่อนผ่านตามทางใต้ดินมากกว่าชวนคุยให้เสียสมาธิ ดวงตากลมของมายุสุมิเหลือบมองเขาบ้างเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร ทำให้อาคาชิอดที่จะยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้
ในที่สุดเสียงประกาศสถานีที่จะลงก็ดังขึ้น มายุสุมิพับไลท์โนเวลเก็บใส่กระเป๋า ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ความสูงระดับใกล้เคียงกันจนตาสบกันพอดิบพอดี
“อะไร? ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” เสียงหวานถามห้วน อาคาชิปล่อยมือจากราวจับ โอบแขนไปดันไหล่มายุสุมิให้เดินนำไปก่อนโดยไม่ตอบอะไร จนคนอายุมากกว่าต้องเผลอร้องด้วยความตกใจ “อย่าดันสิ!”
“ทุกคนคอยอยู่นะครับ” ไม่รู้จะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็เถอะ แต่เสียงพูดของอาคาชิที่มาอยู่ตรงข้างหูเข้าพอดีทำให้มายุสุมิสะดุ้งน้อย ๆ พอก้าวออกมานอกขบวนรถแล้ว เขาจึงก้าวมาเดินข้าง ๆ แทน “เป็นอะไรรึเปล่าครับ มายุสุมิซัง?”
ได้ยินคำถามเสียงเรียบเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมายุสุมิก็นึกอยากค้อนเข้าให้สักที แต่ก็ได้เพียงส่ายหน้าไปมาแล้วรีบสาวเท้าเดินออกจากสถานี อาคาชิหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะเดินตามไป
“ผมนัดทุกคนไว้ที่หน้าห้างสรรพสินค้าครับ” เงาของราคุซันพยักหน้ารับรู้ ซึ่งฝ่ายกัปตันก็ยิ้มบางเมื่อเห็นใบหน้าด้านข้างของคนข้างกายที่กำลังท่าทางลนลานอยู่นิด ๆ …ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกสนุกขึ้นมา จนอยากจะเห็นสีหน้าแบบอื่น ๆ ของมายุสุมิซังมากขึ้นอีก
“เซย์จัง~! ทางนี้จ้า!” เสียงเรียกคุ้นหูทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง เห็นพวกมิบุจิกำลังวิ่งมาหา ก่อนที่มายุสุมิจะโดดเข้าไปหลบหลังอาคาชิทันที ฝ่ายคนถูกใช้เป็นโล่ก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้กับลูกทีมที่หยุดชะงักอยู่ตรงหน้า
“นั่น…มายุสุมิซังจริง ๆ เหรอ?” มิบุจิเอ่ยเสียงสั่นออกมาเป็นคนแรก “ก็นึกไว้อยู่หรอกนะ แต่ไม่คิดว่าจะ…”
“น่ารัก— โอ๊ย! เจ็บนะเรโอะเน่!” ฮายามะร้องลั่นเพราะแรงเกินจำเป็นของมิบุจิที่โถมลงมาบนเท้าเนื่องจากเห็นว่ามายุสุมิกำลังทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคนแล้ว
“ฉัน-ไม่-น่ารัก”
น่ารักจะตาย…ราชันย์ไร้มงกุฎทั้งสามตอบในใจ แต่ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจแบบนั้นเพราะขืนพูดออกไป ต่อให้เป็นมายุสุมิก็คงจะไม่เอาพวกเขาไว้แน่
ในที่สุดเด็กหนุ่มที่กลายร่างเป็นสาวก็ยอมผละจากหลังของอาคาชิเพราะรู้ตัวว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะหลบซ่อนตัว แต่ก็ยังคงต้องหลบสายตามิบุจิที่กำลังมองเขาหัวจรดเท้าคล้ายกำลังประเมิน
“เข้าใจแล้วล่ะเซย์จัง” รองกัปตันหันไปพยักหน้ากับอาคาชิที่ยิ้มมุมปากและพยักหน้าตอบรับ ปล่อยให้อีกสามคนที่เหลือแต่ได้ยืนงุนงงว่าเข้าใจอะไรกัน แต่ก่อนจะทันได้ออกปากถาม มิบุจิก็คว้ามือมายุสุมิ เดินตรงเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอย่างไม่รีรอ
“อาคาชิ…อะไรน่ะ” ฮายามะกะพริบตาปริบ ๆ อาคาชิยิ้มโดยไม่ตอบอะไรแล้วเดินตามทั้งสองคนไป เจ้าตัวจึงได้แต่พยายามลากเนบุยะที่บ่นหิวอยากจะหาอะไรกินไปด้วยกัน
ตอนที่หนุ่ม ๆ ราคุซันเดินตามมาจนเจอนั้น มิบุจิดูจะกำลังเพลิดเพลิน(?) กับการเลือกเสื้อผ้าผู้หญิงให้มายุสุมิ ซึ่งว่าที่เจ้าของชุดก็ทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่เต็มประดา มือหอบทั้งเดรสทั้งเชิ้ตและอะไรต่อมิอะไรมากมาย
“รับ” ฮายามะสะดุ้งเล็กน้อยแล้วรีบรับเสื้อผ้าที่รุ่นพี่ส่งมาให้แล้วถือไว้แทน เด็กหนุ่มก้มลงมองปริมาณชุดที่สูงเจียนจะบังทางแล้วชะโงกหน้าไปถามพี่สาวของทีม
“เรโอะเน่…ซื้อเยอะขนาดนี้จ่ายไหวเหรอ?”
“เซย์จังบอกว่าจะออกเงินให้เอง เพราะงั้นหายห่วงเนอะ? เซย์-จัง!” คนถูกถามหัวเราะอารมณ์ดีพลางหยิบเดรสสีหวานมาอีกชุดทาบตัวมายุสุมิที่เริ่มจะยืนเท้าเอวเหนื่อยหน่าย
“ใช่แล้วล่ะ” อาคาชิอมยิ้มเล็กน้อย สบตารุ่นพี่คนสวยที่มองมาเหมือนจะบอกว่าให้ช่วยหยุดมิบุจิที แม้ทีแรกนึกอยากหยอกแกล้ง แต่เห็นสีหน้ามายุสุมิแล้วนึกสงสาร “ฉันว่าเท่านี้ก็น่าจะพอแล้วนะ จะได้ไปดูอย่างอื่นต่อ”
“นั่นสินะ…” มิบุจิพยักหน้า โยนชุดในมือไปพาดแขนฮายามะไว้ “ต่อไปก็ชุดชั้นใน…เธอคนนั้นมารึยังล่ะเซย์จัง?”
“มาแล้วล่ะ ฉันให้ไปรอที่ร้าน เผื่อว่าเธอจะดูเตรียมไว้ก่อนเลย” กัปตันทีมตอบ ได้ยินดังนั้นมิบุจิก็ผงกหัวรับคำ ลากฮายามะตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงินทันที
“เฮ้ย…อาคาชิ ‘เธอ’ ที่ว่านี่มันใคร?” มายุสุมิขมวดคิ้วถาม อาคาชิแย้มยิ้มบาง
“เดี๋ยวเจอก็รู้เองครับ”
เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย มิบุจิก็เดินอารมณ์ดีกลับมาโดยมีฮายามะหอบหิ้วข้าวของตามหลัง ส่วนเนบุยะขอตัวไปหาอะไรกินได้สักพักแล้ว พอเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว อาคาชิจึงชวนทุกคนไปยังสถานที่นัดพบกับ ‘เธอ’ คนนั้น
หน้าร้านขายชุดชั้นในสตรี…
มายุสุมิเห็นป้ายร้านก็ถึงกับชะงักเตรียมหมุนตัวเดินหนีเพราะรู้ชะตากรรม แต่มิบุจิคว้าเอาไว้ได้ทันท่วงที
“อ๊ะ อาคาชิคุงง!” เสียงใสร้องทักทายแทบจะทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในร้าน อาคาชิยิ้มบางรับคำทักทายนั้นขณะมองเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีชมพูยาวสลวยที่วิ่งมาหา
“สวัสดีโมโมอิ อาโอมิเนะก็มาด้วยเหรอ?”
“เออ…ไม่ได้อยากมานักหรอก แต่ยัยซัทสึกิน่ะสิ ว่าแต่นั่นน่ะเหรอรุ่นพี่นาย ไม่เลวนี่หว่า…ต่างจากตอนเป็นผู้ชายลิบลับเลย” อาโอมิเนะปิดปากหาวเอ่ยพลางมองมายุสุมิหัวจรดเท้า ดูแล้วจะไม่ค่อยมีปัญหากับการอยู่ในร้านชุดชั้นในสักเท่าไหร่
“อาโอมิเนะ…” อาคาชิยิ้มหวานเรียกเสียงเย็น ทำเอาอาโอมิเนะสะดุ้ง โดนจับได้ซะงั้นว่าแอบมองหน้าอกรุ่นพี่คนสวยอยู่
“จ้องขนาดนั้นใครก็รู้ตัวย่ะ ไดจังลามก…” โมโมอิเบะปากให้เพื่อนชายก่อนจะเดินเข้าไปหามายุสุมิที่ยืนกอดอกบังสายตาลามกของเจ้าเด็กรุ่นปาฏิหาริย์อยู่ “โมโมอิ ซัทสึกิค่ะ อาคาชิคุงให้ฉันมาช่วยมายุสุมิซังเลือกชุดชั้นใน ไม่ต้องกังวลนะคะ เชื่อมือได้เลย!”
มายุสุมิอ้าปากยังไม่ทันตอบอะไรก็ถูกคว้าข้อมือลากไปยังราวชุดชั้นในอย่างรวดเร็ว
“ฮุฮุ สาว ๆ นี่ร่าเริงจริง ๆ นะ” มิบุจิหัวเราะแล้วเดินตามไปช่วยดูด้วยอีกแรง ทิ้งให้ผู้ชายสามคนได้แต่มองหน้ากันแล้วตัดสินใจเดินไปหาที่นั่งคอย
“แปลกนะ…ที่นายทำเพื่อคนอื่นขนาดนี้” เสียงพูดลอย ๆ ของอาโอมิเนะที่หย่อนก้นลงบนม้านั่งด้วยท่าทีเกียจคร้านทำให้ฮายามะอดเงยหน้ามองอาคาชิซึ่งถูกพาดพิงถึงในทีไม่ได้ จักรพรรดิแห่งราคุซันหัวเราะเบา ๆ
“ก็เปล่านี่…มายุสุมิซังต้องการความช่วยเหลือ ฉันก็แค่ช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้น”
“เหรอ…” เอซโทโอเหลือบสายตามามอง เห็นอาคาชิไม่ได้มองตอบเขา แต่กำลังจ้องรุ่นพี่ที่กลายเป็นสาวอยู่ ส่วนฮายามะที่แอบฟังบทสนทนาอยู่เงียบ ๆ ก็นึกแปลกใจขึ้นมาเหมือนกัน
นั่นสินะ…อาคาชิกับมายุสุมิซังก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันมากไปกว่าที่สนิทชิดเชื้อกับพวกเขา แล้วปกติกัปตันทีมก็ไม่ได้มีท่าทีกระตือรือร้นอยากช่วยใครแบบนี้
นี่มัน…โคตรประหลาดเลย
อ้าวชิบ เกิดอาคาชิอ่านใจเขาได้ทำไงเนี่ย คิดได้แบบนั้น ฮายามะก็เผลอเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างหวาดระแวง ก่อนจะต้องขนลุกเกรียวเพราะเห็นดวงตาสีแดงของจักรพรรดิแห่งราคุซันเหลียวกลับมามองตอบทั้งรอยยิ้ม
“กลับมาแล้วจ้า! รอนานรึเปล่า~” เสียงใสของผู้จัดการทีมโทโอที่ดังขึ้นเรียกให้อาคาชิหันไปก่อนราวกับระฆังช่วยชีวิต ฮายามะลอบถอนใจพรืด โชคดีของเขาจริง ๆ
“เรียบร้อยดีนะครับ มายุสุมิซัง?” เอ่ยถามรุ่นพี่ที่กำลังยืนหน้ามุ่ย มือถือถุงใส่ชุดชั้นในที่ออกแบบอย่างสวยงามด้วยท่าทางไม่สู้จะยินดีเท่าใดนัก แต่มันก็ทำให้เขาอดอมยิ้มไม่ได้
…น่ารัก
“ฉันรู้นะว่านายกำลังคิดว่าฉันน่ารัก…หยุดความคิดนั่นเดี๋ยวนี้อาคาชิ” คนถูกแอบชมในใจแยกเขี้ยวใส่ ยิ่งพาให้อาคาชิรู้สึกว่าเป็นท่าทางที่ดูราวกับลูกแมวกำลังพองขนฟูฟ่อง กระนั้นด้วยความเกรงใจในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง เขาจึงเลือกเก็บความคิดนั้นไว้ลึกสุดใจ
“ขอโทษด้วยครับ” พูดออกไปแบบนั้นโดยทำเป็นเลี่ยงไม่สนใจสีหน้าเหวอ ๆ ของคนรอบข้างที่ไม่รู้กำลังตกใจเรื่องอะไรกันแน่ระหว่างเขาออกปากขอโทษกับคิดว่ามายุสุมิซังน่ารัก
“อะ…อาคาชิคุง ต่อไปจะดูอะไรต่อดีเหรอจ๊ะ? ได้เสื้อผ้ากับชุดชั้นในแล้ว ต่อไปเครื่องสำอางดีไหม!” โมโมอิแทรกขึ้นเพื่อลดบรรยากาศเงียบกริบทั่วบริเวณ
“ฉันแต่งหน้าเป็นที่ไหนกันล่ะ— ไม่สิ ทำไมฉันต้องแต่งหน้าด้วย!” เหยื่อช้อปปิ้งหรี่ตาเอ่ย แต่ผู้จัดการทีมโทโอก็เพียงแค่ยิ้มหวานอย่างใสซื่อ
“เป็นผู้หญิงก็ต้องแต่งหน้าให้สวย ๆ สิคะ! เรื่องนั้นไม่ยากหรอกค่ะ ฉันจะสอนให้เอง!”
“อุ๊ย เรื่องนั้นฉันเห็นด้วยนะจ๊ะ…มายุสุมิซัง การแต่งหน้าก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงนะ ไม่ต้องกลัวไปหรอก” มิบุจิพยักหน้าเข้าข้างฝ่ายโมโมอิ และยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากคัดค้านหรือปฏิเสธ มายุสุมิก็ถูกคว้าข้อมือ พาตรงไปยังร้านเครื่องสำอางที่อยู่ไม่ห่างทันที
“เฮ้ย…ไม่ห้ามซัทสึกิจะดีรึไง?” อาโอมิเนะอ้าปากหาวด้วยท่าทีหน่ายแทน เห็นรุ่นพี่คนสวยถูกลากถูลู่ถูกังไปทางโน้นทีทางนี้ทีก็เหมือนเห็นภาพทับซ้อนกับตัวเองชอบกล “สงสารเลยว่ะ”
อาคาชิแย้มรอยยิ้มโดยไม่ตอบอะไรขณะเดินตามพวกสาว ๆ ไป
“ไม่ได้นะคะ! มายุสุมิซังผิวขาว เลือกสีนั้นก็ยิ่งซีดไปอีกน่ะสิคะ”
“แต่ฉันว่าสีนั้นก็สดไปสำหรับมายุสุมิซังอยู่ดีนะจ๊ะ…เห็นโมโมอิจังแต่งหน้าไม่แรงแท้ ๆ ไม่นึกเลยว่าจะเลือกสีฉูดฉาดแบบนั้น เดี๋ยวก็เห็นแต่ปากเข้าหรอก”
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าพวกอาคาชิ คือโมโมอิกับมิบุจิกำลังยืนเถียงกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ลิปสติก โดยมีมายุสุมิกลอกตามองบนประกอบฉากอยู่ข้างหลัง สีหน้าเทียบกับตอนเลือกเสื้อผ้าแล้วบอกได้ว่าเบื่อเซ็งคูณสอง ซึ่งพอสาว ๆ หันมาเห็นพวกเขาก็ร้องถามออกมาพร้อมกัน
“ไดจัง! / เซย์จัง! คิดว่าสีไหนเหมาะกว่ากัน!!”
“หา…ฉันจะไปรู้เรอะ!” อาโอมิเนะตอบกลับอย่างรวดเร็ว ขณะอาคาชิยกมือแตะปลายคางครุ่นคิดก่อนจะเดินเข้าไปยืนมองลิปสติกเทสเตอร์บนเคาน์เตอร์ สลับกับมองหน้ามายุสุมิอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอื้อมไปหยิบตลับลิปบาล์มสีชมพูอ่อนเรื่อแท่งหนึ่งมา
“สำหรับมายุสุมิซัง…แค่ลิปบาล์มสีอ่อน ๆ ก็เหมาะแล้วล่ะครับ”
แน่นอนว่ามายุสุมิถลึงตาใส่เข้าให้ แต่อาคาชิก็ยังยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา ส่วนคนอื่นรอบข้างก็เหวอไปตามระเบียบ เพราะไม่คาดคิดว่าจักรพรรดิแห่งราคุซันจะเก่งไปทุกทางขนาดนี้ แม้แต่เลือกสีลิปสติกผู้หญิง
“เซย์จังสุดยอดด! ไว้เลือกให้ฉันบ้างนะจ๊ะ~” มิบุจิโผเข้ามากอดแขนกัปตันแน่น ขณะที่โมโมอิหันไปบอกพนักงานและเตรียมไปคิดเงินรวมกับเครื่องสำอางอื่น ๆ ที่เลือกไว้ก่อนหน้า พอเห็นกองของที่ต้องจ่าย อาคาชิก็นึกได้เงยหน้ามองรุ่นพี่ที่กลายเป็นสาว เพิ่งสังเกตนี่เองว่าเหมือนมายุสุมิจะโดนลองจับแต่งหน้าดูบ้างนิดหน่อยแล้ว
“สวยมากเลยครับ มายุสุมิซัง”
“…!” มายุสุมิอ้าปาก ตั้งท่าเหมือนจะตวาดอะไรสวนกลับมาแต่พอมองซ้ายมองขวาแล้วก็เงียบไป ซึ่งคนผมแดงก็เดาได้ว่าคงเป็นอะไรราว ๆ ‘ฉันเป็นผู้ชาย อย่ามาชมว่าสวยจะได้ไหม’ แบบนั้นแน่ “อย่ามาอ่านใจฉันนะอาคาชิ!”
“มายุสุมิซังก็อย่าอ่านใจผมด้วยสิครับ” จักรพรรดิสีแดงเอียงคอยิ้มหวาน ทำให้มายุสุมิชะงักกึกก่อนจะรีบหันขวับไปอีกทาง ดูจะหัวเสียไม่น้อยเพราะวันนี้เหมือนจะพูดได้ไม่เต็มที่
อาโอมิเนะผิวปาก “ใจสื่อถึงกันด้วยไงพวกนาย…”
“กลับมาแล้วค่า! ไดจังไม่ดื้อไม่ซนใช่ไหม?” ก่อนที่เอซแห่งโทโอจะโดนดีเข้า โมโมอิก็หิ้วถุงเครื่องสำอางกลับมาพอดี หลังจากยัดใส่มือฮายามะเรียบร้อยแล้วก็หันไปดึงเพื่อนสมัยเด็กออกมาไม่ให้ไปกวนมายุสุมิซังอีก
“ขอบคุณมากนะ โมโมอิ เดินทางมาไกลคงเหนื่อยแย่เลย ถ้ายังไงไปทานข้าวกลางวันด้วยกันไหม” อาคาชิถามอดีตผู้จัดการทีมของตนเองทั้งรอยยิ้มบาง
“อื๊อ…ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ไดจังตื่นสายไม่ได้กินข้าวเช้า พวกเราก็เลยเพิ่งกินตอนมาถึงนี่เอง แล้วก็มีธุระด้วย ว่าจะกลับเลยน่ะจ้ะ” โมโมอิเอ่ยตอบร่าเริง ก่อนจะหันไปหามายุสุมิ “มายุสุมิซังคะ อย่าลืมที่บอกไปนะคะ! เป็นผู้หญิงแล้ว ต้องดูแลตัวเองมาก ๆ อาคาชิคุง ฝากมายุสุมิซังด้วยนะ!”
“เข้าใจแล้ว” อาคาชิยิ้มรับคำ ขณะมายุสุมิทำหน้าเบ้ หลังจากมองส่งทั้งสองคนจนไปพ้นสายตาแล้ว สมาชิกราคุซันจึงหันกลับมาปรึกษากันว่าจะทำอะไรต่อไป
“กินข้าวแหงอยู่แล้ว!”
“เอย์จังเพิ่งกินมาไม่ใช่รึไง!”
ขณะกำลังเดินตามเนบุยะที่เพิ่งกลับมารวมตัวกับทุกคนไปยังร้านอาหารที่เจ้าตัวเซอร์เวย์มาเรียบร้อยแล้วว่าอร่อยแน่ อาคาชิก็ละสายตาจากเพื่อนร่วมทีมที่กำลังส่งเสียงโหวกเหวกกันเหมือนเคย ไปมองชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ห่าง ๆ
กำลังมองมายุสุมิซังอยู่?
หากว่ากันโดยทั่วไปก็ไม่ถือว่าแปลก เพราะรุ่นพี่ที่กลายเป็นผู้หญิงแล้วนั้นนับว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิแห่งราคุซันนึกประหลาดใจเพราะฝ่ายที่ถูกมองคือมายุสุมิซังต่างหาก
ปกติแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเลยไม่หรือ…